Skin

shaving hair

แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

สาวๆและหนุ่มๆหลายๆคนคงจะเคยสงสัยว่า “ขน” ที่ขึ้นอยู่ตามร่างกายของเรานั้นมีไว้เพื่ออะไร? ขนที่ขึ้นตามบริเวณต่างๆในร่างกายต่างก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป นอกจากจะเป็นอวัยวะรับความรู้สึกแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อน ป้องกันแสงแดดและป้องกันอันตรายได้ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ขนที่ขึ้นบางส่วน ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆหลายๆคนสักเท่าไหร่ เช่น ขนคิ้ว รักแร้ ขา แขน หนวด รวมไปถึงจุดซ่อนเร้น เป็นต้น จึงเป็นที่มาของวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด? ศึกษาได้ในบทความนี้เลย

หมอเบญนำบทความเปรียบเทียบการกำจัดขนแต่ละประเภทมาให้สาวๆได้อ่านกันแล้วค่ะ
    Add a header to begin generating the table of contents

    วิธีกำจัดขนแต่ละประเภท

    พูดถึงวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การโกนขน การแวกซ์กำจัดขน และเลเซอร์กำจัดขน ซึ่งการกำจัดขนส่วนใหญ่ทำเพื่อความสวยงาม บางกรณีอาจจะเป็นการรักษาความผิดปกติของขนที่ขึ้นตามร่างกาย เช่น โรครูขุมขนอักเสบ หรือขนคุด โรคมนุษย์หมาป่า หรือขนดก เป็นต้น มาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?

    shaving hair

    การกำจัดขนด้วยการโกน

    การกำจัดขนด้วยการโกน เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวโดยใช้มีดโกน หรือเครื่องโกนขนไฟฟ้า ส่วนมากนิยมกำจัดขนบริเวณใบหน้า การโกนหนวด หรือการตัดผมของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงนั้นจะใช้โกนบริเวณรักแร้ ขา แขนและจุดซ่อนเร้นเป็นส่วนใหญ่ เทคนิคในการโกน คือ การทำให้ผิวบริเวณที่ต้องการโกนขน มีความเปียกเล็กน้อยเพื่อให้ขนอ่อนนุ่มลงและโกนได้ง่ายขึ้น บางแห่งที่เป็นบริเวณผิวบอบบางสามารถใช้ครีมโกนขนร่วมด้วยได้และให้โกนตามแนวขนเพื่อป้องกันการระคายเคือง

    ข้อดีของการโกน :

    การโกนขนสามารถทำได้เองง่ายๆที่บ้าน มีความสะดวกสบายและไม่มีความซับซ้อนใดๆเพียงแค่มีอุปกรณ์โกนขนเท่านั้น สามารถโกนได้ทุกบริเวณที่ต้องการโดยทันที

    ข้อเสียของการโกน :

    การโกนขนเป็นการกำจัดขนแบบชั่วคราว ไม่ได้ดึงเส้นขนออกมาทั้งราก จะให้ผลลัพธ์ประมาณ 1-3 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจจะต้องโกนบ่อย ซึ่งเป็นบ่อเหตุของการเกิดอาการระคายเคืองผิว ตุ่มนูนแดง อาการขนคุด หรืออาจเป็นเหตุทำให้มีดโกนบาดผิวหนังและติดเชื้อได้ง่าย

    waxing hair

    การแวกซ์กำจัดขน

    การกำจัดขนด้วยการแวกซ์ เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวอีกเทคนิคหนึ่งแต่เป็นการถอนขนออกมาทั้งเส้น ซึ่งจะใช้แวกซ์อุ่นๆ หรือแวกซ์เย็นในการกำจัดขน นิยมใช้บริเวณใต้วงแขน ขา แขนและจุดซ่อนเร้น ซึ่งจะเป็นการนำแวกซ์กำจัดขนป้ายลงบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน จากนั้นใช้แถบผ้าขนาดต่างๆทับลงไปและรอให้แวกซ์แห้งแล้วจึงดึงแถบผ้าออกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เส้นขนหลุดติดมากับแถบผ้านั้น

    ข้อดีของการแวกซ์กำจัดขน :

    การแวกซ์กำจัดขนสามารถทำได้ที่ร้าน หรือซื้อแบบแผ่นสำเร็จรูปมาทำเองได้ที่บ้านได้ง่ายๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการกำจัดขนได้ทุกส่วนบนร่างกาย ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ประมาณ 3-6 สัปดาห์ จึงไม่ต้องทำบ่อยและควรปล่อยให้เส้นขนยาวเพิ่มอย่างน้อย 6 มิลลิเมตรเพื่อให้การแวกซ์ครั้งต่อไปง่ายขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การแวกซ์กำจัดขนช่วยให้ผิวเรียบเนียนกว่าและขนที่ขึ้นใหม่นั้นจะบางกว่าการโกนนั่นเอง 

    ข้อเสียของการแวกซ์กำจัดขน :

    การแวกซ์กำจัดขนจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและจะรู้สึกเจ็บปวดกว่าการโกน อาจจะมีรอยแดง หรือตุ่มนูนหลังจากการแวกซ์ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในกรณีที่ผิวไหม้ หรือการใช้ยารักษาสิวบางชนิดที่ทำให้ผิวบางลงด้วย

    laser-epilation-hair-removal-therapy (1)

    เลเซอร์กำจัดขน

    วิธีกำจัดขนแบบเลเซอร์นี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความร้อนยิงเข้าไปที่รูขุมขนเพื่อทำลายและยับยั้งการเติบโตของเส้นขน ด้วยหลักการทำงานง่ายๆ คือ การจับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีเลเซอร์ 3 ประเภทที่เป็นที่นิยม

    ข้อดีของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

    การยิงเลเซอร์ขนให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าแต่คุณไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน จะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการกำจัดขนแบบถาวรที่กำจัดขนได้ลึกจนถึงราก ลดอัตราการเกิดใหม่และไม่ทำร้ายผิวด้วย

    ข้อเสียของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

    การยิงเลเซอร์ขนจะต้องยิงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 5 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและจะต้องทำที่ร้านเท่านั้น ไม่สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ในปัจจุบันการเลเซอร์ขนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก บางครั้งเริ่มต้นเพียงหลักพันต้นๆเท่านั้น

    ประเภทของเลเซอร์กำจัดขน

    เลเซอร์ IPL

    เป็นคลื่นความถี่ช่วง 650 nm-1200 nm โดยใช้หลักการส่งความร้อนไปจับกับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนเพื่อทำลายเซลล์รากขนให้อ่อนแอลง หลังจากทำแล้วขนจึงค่อยๆหล่นร่วงไป หากงอกขึ้นมาใหม่ก็จะไม่แข็งแรงและเป็นเส้นบาง จนกระทั่งไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก เลเซอร์ IPL นี้ ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน ซึ่งสามารถไปยิงซ้ำได้เรื่อยๆ

    เลเซอร์ Yag

    เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 1064 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ ซึ่งเลเซอร์ yag สามารถกำจัดขนได้ 20-30% ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ทำประมาณ 5-8 ครั้ง หรือจนกว่าเส้นขนจะถูกกำจัดออกทั้งหมด โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากทำครั้งที่ 5 เป็นต้นไป

    เลเซอร์ diode

    เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 880 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ เนื่องจากเป็นลำแสงขนาดเล็กจึงสามารถผ่านผิวลงไปได้ลึก กำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็กแต่เส้นขนจะค่อยๆร่วงในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากทำ จึงจะต้องมาทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน

    diode laser
    เครื่องเลเซอร์ Diode

    เลเซอร์กำจัดขนแบบไหนดีที่สุด

    เลเซอร์กำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีแตกต่างกันไป หากพิจารณาตามช่วงความยาวของคลื่น ยิ่งขึ้นยาวมากเท่าไหร่ก็ทำให้กำจัดลึกถึงรากขนได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเลเซอร์ Yag จึงถือว่าเป็นเลเซอร์ที่ลงลึกถึงรากขนได้มากที่สุดถึง 7 มิลลิเมตรเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยกำจัดเส้นขนได้หมดจดโดยที่ไม่เกิดรอยไหม้ รอยดำ หรือการระคายเคืองแล้ว ยังสามารถทำได้ทุกบริเวณ รวมถึงจุดซ่อนเร้นด้วย ส่วน diode laser เป็นเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนโดยเฉพาะ และไม่ทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานีน ทำให้สามารถทำเลเซอร์ได้แม้ในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหนังที่สุด

    วิธีกำจัดขน แบบไหนดีที่สุด

    วิธีกำจัดขนแบบไหนดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องโจทย์ความต้องการ ความสะดวกสบาย ค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์ที่ได้รับและข้อเสียที่ยอมรับได้ เพราะวิธีกำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการกำจัดขนแบบไหนมากกว่า

    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
    dr ben malika clinic 02

    หากอ่านมาถึงตรงนี้แต่ยังไม่แน่ใจว่าเลเซอร์กำจัดขนตัวไหนที่เหมาะกับตัวเรา สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือขอคำแนะนำกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben เบอร์โทร 095 450 9355 หรือ Line ID: @malikaclinic ส่งข้อความมาถามหมอเบญได้เลยค่ะ หมอเบญตอบแชตเองและยินดีให้คำปรึกษาคนไข้ทุกคนค่ะ

    Woman treatment malika clinic 06

    เจาะลึกเรื่อง ฝ้า สาเหตุ วิธีป้องกันฝ้า วิธีรักษาฝ้า รักษาฝ้า ที่ไหนดี

    เจาะลึกเรื่อง ฝ้า สาเหตุ วิธีป้องกันฝ้า วิธีรักษาฝ้า รักษาฝ้า ที่ไหนดี

    ปัญหาเรื่องฝ้าถือเป็นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เมื่อต้องเผชิญกับการรุกล้ำของฝ้าหรือรอยด่างดำตามใบหน้าแล้ว นอกจากจะรักษาให้หายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยาก ยังมีต้นทุนในการรักษาที่สูงอีกด้วย ในบทความนี้เราจึงอยากเคลียร์ให้ชัด เจาะประเด็นเรื่องฝ้าให้ลึก เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือหรือหาวิธีรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    เจาะลึกเรื่องฝ้ากับหมอเบญ รวบรวมทุกคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องฝ้าในบทความมนี้ค่ะ
      Add a header to begin generating the table of contents

      ฝ้า คืออะไร

      ฝ้าคือลักษณะทางกายภาพที่ร่ายกายพยายามแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของผิวหนังชั้นนอกที่สีเปลี่ยนไปในทิศทางที่เข้มขึ้น โดยฝ้าจะมีขนาดและสีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางร่ายกาย สาเหตุ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการรักษาฝ้าหรือรอยด่างดำจะยากหรือง่าย ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ประเภท ขนาด และความเข้มของสีที่เกิดขึ้นอีกด้วย

      Woman treatment malika clinic 06

      ฝ้า เกิดจากอะไร สาเหตุของการเกิดฝ้า

      ด้านล่างนี้ เราได้รวบรวมสาเหตุของการเกิดฝ้าที่เป็นไปได้ทั้งหมดมาไว้ให้คุณแล้ว ศึกษาอย่างละเอียดเพื่อที่จะเข้าใจและพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า

      1. เผชิญหน้ากับแสงแดดอยู่บ่อยครั้ง
        ในแสงแดดส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต ประเภท UVA, UVB หรือกลุ่มของแสงที่มองเห็นได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนที่จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังของคุณมีสีที่เปลี่ยนไปได้

      2. ฮอร์โมน
        ปัญหาฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน ส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือกินยาคุ้มกำเนิดเป็นประจำ
      1. ใช้สารเคมีหรือเครื่องสำอางเป็นประจำ
        เพราะเครื่องสำอางมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจทำให้ชั้นใบหน้าของคุณบางลง ซึ่งเมื่อไปเจอกับแสงแดดก็อาจทำให้รอยฝ้ายเกิดง่ายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเครื่องสำอางยังกระตุ้นการเกิดฝ้าง่ายขึ้นอีกด้วย
      1. ลักษณะทางพันธุกรรมจากงานวิจัยพบว่า บุคคลที่ประสบปัญหาเรื่องฝ้าและรอยด่างดำของผิวมักมีประวัติของบุคคลในครอบครัวที่พบเจอปัญหาเดียวกัน นอกจากนี้ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียมักมีโครงสร้างของผิวที่มีความน่าจะเป็นในเกิดฝ้ามากกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ อีกด้วย
      melasma skin malika clinic

      วิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ

      อยู่เมืองร้อนต้องทำใจกับปัญหาผิวมากมายที่อาจเกิดขึ้นกับสาวๆ ทั้งหลายได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องฝ้านั้นถือเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นกับสาวๆ บ้านเรามากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ สำหรับวิธีการรักษาฝ้านั้นทำได้มากมายหลายวิธีทั้งวิธีแบบธรรมชาติ ใช้ครีมรักษาฝ้า และรักษาโดยแพทย์ผิวหนังโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันคลินิกเสริมความงามบ้านเราแทบจะทุกที่มักมีโปรแกรมดูแลเรื่องฝ้าไว้ให้อยู่แล้ว ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปปรึกษาได้เลยโดยตรงนั่นเอง แต่ทว่าสาวๆ หลายคนอาจจะไม่อยากเสียเงินหลักหมื่นไปกับการดูแลฝ้าใช่ไหมล่ะ? วันนี้เราได้รวบรวม 3 วิธีทางธรรมชาติในการรักษาฝ้ามาฝาก ได้แก่

      1. หัวไชเท้า – เนื่องด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงมากในหัวไชเท้าทำให้มีความสามารถลดรอยฝ้าและกระได้อย่างธรรมชาติ เพียงคุณนำหัวไชเท้าสดปลอกเปลือก แล้วคั้นให้เหลือเพียงน้ำเท่านั้น จากนั้นผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วนน้ำ 3 ส่วน และน้ำหัวไชเท้าอีก 1 ส่วน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยสามารถใช้สำลีชุบน้ำที่ผสมไว้แล้วเติมลงบนหน้าประมาณ 3-4 รอบ คุณสามารถใช้สูตรนี้ได้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เลยค่ะ
        นอกจากนี้คุณยังสามารถนำน้ำหัวไชเท้า 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ก็สามารถช่วยลดฝ้าได้เช่นเดียวกันค่ะ
      2. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลหมักธรรมชาติ – ด้วยวิตามินซีที่ค่อนข้างสูงของน้ำหมักทำให้มีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี เพียงผสมกับน้ำเปล่าอัตราส่วน 1:1 หรือปริมาณน้ำส้มหมักน้อยกว่านี้ก็ได้หากคุณมีผิวหน้าที่แพ้ง่าย เพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากฤทธิ์ของกรด เช่น รอยแดง เป็นต้น วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอาการฝ้าได้เท่านั้น แต่ยังสามารถลดรอยดำที่เกิดจากสิวได้อีด้วยค่ะ
      3. ใบบัวบก – ใบบัวบกถูกเรียกว่าเป็นสมุนไพรตลอดกาลในการดูแลเรื่องผิวพรรณ เนื่องจากในใบบัวบกนั้นมีสารไตรเตอร์ปินนอยด์ (Triterpenoids) ที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวหนัง อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เรียกได้ว่าคุณประโยชน์พร้อมสรรพในการเป็นสมุนไพรดูแลผิวหน้าจริงๆ ค่ะ
      Dark spots on face melasma

      รักษาฝ้าที่ไหนดี

      อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสถานที่ในการรักษาหรือดูแลฝ้ากระในปัจจุบันนั้นมีมากมาย สถาบันเสริมความงามหรือคลินิกเสริมความงาม เราสามารถเข้าไปเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การในด้านรักษาผิวหน้าโดยเฉพาะ โดยสามารถดูรีวิวของผู้ที่เคยใช้บริการเพื่อประกอบการตัดสินใจ

      ที่ Malika Clinic by Dr. Ben มีโปรแกรม Anti melasma Program  ซึ่งเป็นการรักษาฝ้า 10 ขั้นตอน รวมไปถึงการทำ LED LIGHT THERAPY โดยการใช้แสงสีเหลือง ที่มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสี พร้อมใช้วิตามินในการบำรุงผิว หากผู้อ่านสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
      dr ben malika clinic 02

      ผู้อ่านที่มีปัญหาเรื่องฝ้า และต้องการคำแนะนำหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben คลินิกความงาม ลาดพร้าว วังหิน หรือแอดไลน์  Line ID: @malikaclinic เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม หมอตอบเองทุกเคสและไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ 

      treatment acne

      สิว มีกี่ประเภท สาเหตุของการเกิดสิว รักษาสิว ที่ไหนดี เจาะลึกเรื่องสิว

      สิว มีกี่ประเภท สาเหตุของการเกิดสิว รักษาสิว ที่ไหนดี เจาะลึกเรื่องสิว

      หลายๆคนคงจะเคยประสบพบเจอกับปัญหาเรื่องสิวๆที่ทำให้หนักอกหนักใจ เจ้าสิวตัวดีนี่แหละ! ที่เกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท ดังนั้นไม่ว่าใครๆก็มีโอกาสเป็นสิวกันได้ทั้งนั้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสิวก็จะมีสารพัดประเภทที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน ในบทความนี้หมอเบญจะมาเจาะลึกเรื่องสิว มาดูกันว่าสาเหตุของการเกิดสิว ประเภทของสิว มีกี่ประเภท พร้อมวิธีป้องกันและรักษาสิว ที่ไหนดี วันนี้เราเตรียมคำตอบมาให้คุณแล้ว ศึกษาเพิ่มเติมไปพร้อมๆกันได้เลย

      เรื่องสิว ใครว่าเป็นปัญหาเล็กๆ วันนี้หมอเบญนำบทความที่หลายคนอย่างรู้เกี่ยวกับเรื่องสิวๆมาให้อ่านกันค่ะ
        Add a header to begin generating the table of contents

        เจาะลึกเรื่องสิว ใครๆก็มีสิวได้

        ต้องยอมรับว่าศัตรูตัวฉกาจของใครหลายๆคนที่ทำให้หนักอกหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว นั่นก็คือ สิว! ซึ่งการมีสิวไม่เพียงแค่ทำให้ใบหน้ามีจุดบกพร่องเท่านั้นแต่การเป็นสิวยังทำให้เกิดความเจ็บปวด บางคนมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นอักเสบอีกด้วย ที่น่าเจ็บใจมากที่สุด นั่นก็คือ ตอนที่สิวหายไปแล้วก็ยังทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดเอาไว้ให้ดูอีก อย่างเช่น รอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น รอยบุ๋มและรอยนูนบนใบหน้า

        treatment acne

        สาเหตุของการเกิดสิว

        สิว (Acne Vulgaris) โดยปกติแล้วเกิดจากการอุดตันของสารเหนียวที่เกิดจากการรวมตัวกันของน้ำมัน, ขนอ่อน, เซลล์ผิวเก่าที่หลุดลอกและแบคทีเรียในรูขุมขน ที่เราเรียกกันว่า “คอมีโดน” หรือ “Comedones” สิวจึงมักขึ้นในที่ที่มีไขมันเยอะมากๆ อย่างเช่น ใบหน้า หน้าอก หนังศีรษะและแผ่นหลัง โดยมีระยะเวลาก่อตัวประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ สิ่งอุดตัน หรือคอมีโดนจะดันท่อไขมันและรูขุมขน ดันผิวหนังให้นูนขึ้นมาจนเห็นว่า “สิวขึ้น” นั่นเอง

         การเป็นสิวนั้นพบได้ในคนทุกเพศ ทุกวัยแต่จะพบได้มากในช่วงวัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์เพราะมีปริมาณฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างน้ำมันมากกว่าวัยอื่นๆ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆที่สามารถกระตุ้นให้เกิดคอมีโดนได้ ซึ่งแบ่งสาเหตุของการเกิดสิวออกเป็น

        1. น้ำมัน หรือไขมัน การผลิตน้ำมันของต่อมไขมันในผิวที่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยเรื่องฮอร์โมนแอนโดรเจน สภาพอากาศ พันธุกรรม อาหาร หรือยาบางประเภทก็มีส่วนทำให้ผิวหนังมีน้ำมัน หรือไขมันออกมามาก อย่างที่เราเรียกว่า “หน้ามัน” หรือ “ผิวมัน” นั่นเอง
        2. ขนอ่อน ในแต่ละรูขุมขนจะมีปริมาณของขนอ่อน 1-80 เส้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการหลุดร่วงตามธรรมชาติ ในกรณีที่มีมากจนเกินไปและไม่มีการหลุดร่วงออกไปตามธรรมชาติก็จะมีผลทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันจนกลายเป็นคอมีโดนได้
        3. เซลล์ผิวที่หลุดลอก การที่เซลล์ผิวหนังด้านนอกเกิดการผลัดผิวตามธรรมชาติแต่ตกค้างในรูขุมขน หรือการผลัดเซลล์ผิวมากจนผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากโรคผิวหนังบางชนิด อาการระคายเคือง การดูแลผิวแบบผิดวิธี หรือการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิว จะส่งผลให้รบกวนการไหลของน้ำมันออกมานอกผิวและทำให้เกิดการอุดตันในบริเวณนั้นๆ

        แบคทีเรียที่เป็นตัวการก่อให้เกิดสิว (Microbial colonization) ที่มีชื่อว่า Propionibacterium Acnes (P.Acne) หรือพี แอคเน่ ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะเจริญเติบโตอยู่บริเวณรูขุมขนและเป็นตัวการทำให้เกิดสิวอุดตัน อักเสบ บวม แดงและเป็นหนอง

        รีวิวก่อน-หลัง รักษาสิวที่ Malika Clinic
        Acne treatment review blog 011

        สิว มีกี่ประเภท?

        สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
        1. สิวประเภทที่ไม่อักเสบ (Non-Inflammatory Acne) หรือสิวอุดตัน บ้างก็เรียกว่าสิวผด หรือสิวเสี้ยน แบ่งได้เป็นอีก 2 ประเภท
              – สิวอุดตันหัวเปิด หรือสิวหัวดํา (Blackheads) เป็นตุ่มสีดำเล็กๆที่พบได้ทุกที่ การที่หัวสิวเป็นสีดำเพราะสารอุดตันทั้งหมดทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
              – สิวอุดตันหัวปิด หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) เป็นตุ่มสีขาวใต้ผิวหนังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบและเครื่องสำอางตกค้างในรูขุมขน

        2. สิวประเภทที่อักเสบได้ (Inflammatory Acne) หรือสิวอักเสบ จะรู้สึกเจ็บเมื่อกด หรือสัมผัส ส่วนมากมักจะมีอาการบวม แดงร่วมด้วย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
              – สิวตุ่มแดง (Papules) เป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็ก นูนขึ้นมา จะมีอาการเจ็บมากเมื่อสัมผัส
              – สิวตุ่มหนอง (Pustules) มีลักษณะคล้ายสิวตุ่มแดงแต่จะมีหัวหนองเห็นชัดเจนอยู่กลางตุ่ม
              – สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นสิวอักเสบสีแดง ลักษณะแข็ง ใหญ่ ขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรขึ้นไป
              – สิวซีตส์ (Cysts) เป็นสิวอักเสบแบบรุนแรงและอันตราย มีลักษณะเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังประกอบไปด้วยเลือดและหนอง บางรายอาจจะมีขนาดใหญ่ บวมแดงและเจ็บปวดมาก ซึ่งคอลลาเจนจะถูกทำลายลงและอาจจะเป็นหลุมสิวได้

        รีวิวก่อน-หลัง รักษาสิวที่ Malika Clinic
        Acne treatment review blog 021

        รักษาสิว ที่ไหนดี

        การรักษาสิวเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน หากยังไม่มีอาการที่ดีขึ้นก็ควรจะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการรักษาเพื่อให้แพทย์ได้ทำการประเมินและรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทานยาปฏิชีวนะ, ยาปรับระดับฮอร์โมน, ยาทา, การฉีดสิว, การฉายแสง LED, เลเซอร์และการทำทรีทเม้นต่างๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังปรับสภาพดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ซึ่งการรักษา หรือการปรึกษาแพทย์ควรจะเริ่มทำตั้งแต่ระยะเริ่มแรกเพราะจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและป้องกันอาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งระยะเวลาในการรักษาประมาณ 4 สัปดาห์ถึง 3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

        ที่ Malika Clinic by Dr. Ben มีคอร์สรักษาสิว Acne Pro ซึ่งเป็นการรักษาสิว 10 ขั้นตอน รวมไปถึงการฉายแสงเพื่อฆ่าเชื้อสิว หากผู้อ่านสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

        ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
        dr ben malika clinic 02

        ผู้อ่านที่มีปัญหาเรื่องสิว และต้องการคำแนะนำหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben คลินิกความงาม ลาดพร้าว วังหิน หรือแอดไลน์  Line ID: @malikaclinic เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม หมอตอบเองทุกเคสและไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ หรือหากสะดวกสามารถเดินทางมาให้หมอเบญประเมินก่อนฉีดจริงได้ที่คลินิก ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67)