laser

Restylane-Kysse-packaging (1)

Restylane Kysse เติมเต็ม ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์เพื่อปากโดยเฉพาะ

Restylane Kysse เติมเต็ม ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์เพื่อปากโดยเฉพาะ

หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาริมฝีปากไม่ได้รูปหรือต้องการเพิ่มความเป็นกระจับให้กับริมฝีปากของคุณ การเลือกใช้ฟิลเลอร์เพิ่มเติมแต่งริมฝีปากของคุณให้ดูอวบอิ่มนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและนิยมใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Restylane kysse ฟิลเลอร์เฉพาะเติมที่บริเวณปากเท่านั้นกันค่ะ

สารบัญบทความเรื่อง Restylane Kysse
    Add a header to begin generating the table of contents

    Restylane Kysse คืออะไร?

    Restylane kysse คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือฟิลเลอร์ที่เรานิยมเรียกกัน โดยยี่ห้อ Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มาจากประเทศสวีเดน โดยได้ออกฟิลเลอร์รุ่น Kysse มาเพื่อริมผีปากโดยเฉพาะ และได้ผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างเทคนิค OBT ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ Restylane kysse ได้อย่างล้ำลึก

    Restylane kysse ถูกออกแบบมาใช้เฉพาะสำหรับบริเวณริมฝีปากที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสถานบันความงามในประเทศไทย ด้วยลักษณะพิเศษของ Restylane kysse ที่มีเนื้อค่อนข้างละเอียด แต่ยังมีความคงตัวอยู่ จึงช่วยสร้างขอบริมฝีปากให้มีความชัดเจนได้มากยิ่งขึ้นและในขณะเดียวกันก็ให้ความอวบอิ่มและมีความชุ่มชื่นอยู่นั่นเอง

    Restylane-Kysse-packaging (1)

    Restylane Kysse ทำไมถึงเหมาะกับฉีดปากมากกว่าฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ

    อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วในตอนต้นว่าฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มประเภทนี้ผลิตจากเทคโนโลยีที่มีความล้ำหน้าอย่าง Optimal Balance Technology จึงทำให้ตัวเนื้อสารมีความเรียบเนียน ละเอียด แต่ยังมีความคงตัวอยู่ เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเราแล้วจะไม่ทำให้เกิดลักษณะที่เป็นก้อน ไม่แข็ง ให้ความเป็นธรรมชาติ จึงตอบโจทย์สาวๆ ที่ชอบทำปากทรงต่าง ๆ ทั้ง 3 ทรง ได้แก่

    1. Sexy Kysse ทรงปากสำหรับสาวๆ สายฝ. ที่เน้นความอวบอิ่มของริมฝีปากที่สัดส่วน 1:1
    2. Cherry Kysse ปากทรงกระจับ ทรงนี้คงต้องนึกถึงสองแฝดสาวอย่างยิปซีและยิปโซ ริมฝีปากสไตล์เกาหลีนั่นเอง
    3. Classy Kysse ทรงปากที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับสาวไทยที่ชอบลักษณะริมฝีปากที่มีความอวบอิ่ม สุขภาพดีนั่นเอง

    จะเห็นได้ว่าทรงปากยอดฮิตของสาวๆ ทั้งสายเกาหลี สายฝอ หรือแม้แต่สายธรรมชาติก็ตาม ฟิลเลอร์ Restylane kysse ก็สามารถตอบโจทย์ได้ทุกทรง นอกจากนี้ยังสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปีอีกด้วย ดังนั้นผลิตภัณฑ์ตัวนี้จึงกลายเป็นฟิลเลอร์ยอดฮิตนั่นเองค่ะ

    Restylane Kysse ราคา เท่าไร?

    ในส่วนของราคานั้นจะขึ้นอยู่กับสถาบันความงามแต่ละแห่ง โปรโมชันที่ทางคลินิกเสริมความงามจัดไว้ให้ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ทางเราได้รวบรวมมานั้นพบว่า Restylane kysse ราคาประมาณ 12,000 – 20,000 บาท ในการฉีดต่อ 1 CC ทั้งนี้นอกจากราคาที่เพื่อนๆ จะต้องตรวจสอบก่อนเข้ารับบริการแล้ว เราขอแนะนำให้เพื่อนๆเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้บริการหรือไม่? สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาในการฉีดฟิลเลอร์ทั้งสิ้น

    Restylane Kysse อยู่ได้นานไหม? อยู่ได้นานแค่ไหน?

    เพราะ Restylane kysse คือ ฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อริมฝีปากโดยเฉพาะ นวัตกรรมนี้จึงช่วยยืดอายุของผลลัพธ์ได้นานถึง 12 เดือน เรียกได้ว่าฉีดครั้งเดียวแต่ให้ความคุ้มความยาวนานตลอดทั้งปีกันเลย ซึ่งอายุของผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้นานกว่านี้อีก หากผู้เข้ารับฉีดฟิลเลอร์ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในระยะแรกของการฉีดซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์กำลังเซตตัวนั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่หลายท่านน่าจะทราบดีว่าฟิลเลอร์ในแต่ละประเภทหรือแต่ละแบรนด์ต่างมีกลวิธีในการผลิตฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นอายุการใช้งานและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ ในทางตรงกันข้ามหากผู้เข้ารับการรักษาหันไปใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองหรือไม่ได้ผ่านมาตรฐานการผลิต นอกจากอายุการคงผลลัพธ์จะสั้นแล้ว ยังมีความเสี่ยงสูงที่คุณอาจพบปัญหาหลังจากการฉีดฟิลเลอร์อีกด้วย

    filler malika clinic woman

    Restylane Kysse ใช้กี่ cc ในการฉีดแต่ละครั้ง?

    การฉีดฟิลเลอร์ Restylane kysse ในแต่ละครั้งจะต้องผ่านการพิจารณาและอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการฉีดก่อนเท่านั้น เพราะในแต่ละเคสที่มีปัญหาเรื่องริมฝีปากมักต้องการรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วแพทย์จะใช้ Restylane kysse 1-2 CC แต่ผู้เข้ารับการรักษา 1 คน

    เนื่องจากกระบวนการทำงานของ Restylane kysse จะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปท์ที่ใช้นวัตกรรมชั้นสูงมาพัฒนา จึงทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นผลลัพธ์ในทันทีหลังจากการฉีด นอกจากนี้จำนวน CC ของ Restylane kysse ยังส่งผลให้ริมฝีปากออกมาในรูปที่รับกับใบหน้าและทรงดูสวยขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่ต่างต้องการให้ริมฝีปากคงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ซึ่งปัจจัยนี้จะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีดให้ รวมถึงความพร้อมของอุปกรณ์และสถาบันที่ให้บริการอีกด้วย

    ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ Restylane Kysse

    แม้จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่มาก แต่การดูแลตัวเองหลังจากการฉีดก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ริมฝีปากออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ, เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นาน ติดตามข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ Restylane kysse ได้ที่นี่

    1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับริมฝีปากโดยตรงในช่วง 10-12 ชั่วโมงแรก เช่น การนวด, การจับ, การบีบ, การคลึง เป็นต้น
    2. ห้ามดึงหรือบีบบริเวณหนังริมฝีปาก เพราะหากหนังริมฝีปากบางลงความชุ่มชื้นในบริเวณนี้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย
    3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, สูบบุหรี่, เครื่องดื่มร้อนๆ และภายใน 12 ชั่วโมงแรกไม่ควรทาลิปสติก, ออกกำลังกายหนักๆ หรือการสัมผัสกับริมฝีปากโดยตรง
    4. การขยับปากที่มากเกินไปก็อาจทำให้รูปปากเสียทรงได้ ดังนั้นในช่วงแรกพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือกิจกรรมที่ต้องขยับปากมากจนเกินไป

    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
    dr ben malika clinic 02

    ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า Restylane Kysse มาเพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากโดยเฉพาะ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

    Woman treatment malika clinic 04

    ฉีด เมโสแฟต คือ อะไร ลดเหนียงได้จริงหรือไม่ เมโสแฟต กี่วันเห็นผล

    ฉีด เมโสแฟต คือ อะไร ลดเหนียงได้จริงหรือไม่ เมโสแฟต กี่วันเห็นผล

    หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า “เมโสแฟต” กันมาบ้างแล้ว ขึ้นชื่อลือนามเกี่ยวกับการลดสัดส่วนบนร่างกายที่ลดยากๆได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องคุมอาหาร หรือออกกำลังกายเลย ส่วนมากคนนิยมใช้ลดแก้ม เหนียงคอ ต้นแขน ต้นขา หรือแม้กระทั่งน่องและสะโพก เนื่องจากเห็นผลลัพธ์รวดเร็วและเห็นผลได้ชัดเจน จึงทำให้เมโสแฟตเป็นที่นิยมมาก แต่ว่าจริงๆแล้วการฉีด เมโสแฟต คือ อะไร? ฉีด เมโสแฟต 1 เข็มกี่ cc? ช่วยลดเหนียงได้จริงหรือไม่? เมโสแฟต ราคาเท่าไหร่? เราได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดมาไว้ให้ที่นี่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้เลย!

    สารบัญบทความเรื่องเมโสแฟต
      Add a header to begin generating the table of contents

      เมโสแฟต คือ อะไร?

      เมโสแฟต (Meso Fat) คือ รูปแบบการรักษาในหมวดของการรักษาความงาม โดยจะเป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์ในการสลายไขมันลงไปในชั้นไขมันเพื่อแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกิน รูปแบบการรักษานี้ถูกคิดค้นมานานกว่า 15 ปีแล้วและในปัจจุบันก็ยังสามารถนำไปต่อยอดใช้ในการรักษาทางเลือกอื่นๆได้อีกด้วย

      การฉีด เมโสแฟต มีหลักการทำงาน คือ การใช้ฤทธิ์ของยาหลักๆ 3 ประเภทในการสลายไขมัน หรือพูดง่ายๆว่า ให้ไขมันแตกตัว หลังจากนั้นร่างกายก็จะทำการขับออกมาในวิธีการต่างๆ ซึ่งช่วยให้ไขมันบริเวณที่ฉีดนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวยา 3 ประเภทที่เราพูดถึง คือ

      1. Artichoke Extract ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์โคเอนไซม์ ลดเนื้อเยื่อไขมัน การสร้างและสังเคราะห์กรดไขมัน สามารถช่วยลดไขมันเฉพาะจุดและลดเซลลูไลท์ได้
      2. Mesostabyl เป็นสารที่มีหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไลเปส ยับยั้งการสร้างไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในชั้นเนื้อเยื่อ
      3. L-carnitine มีส่วนช่วยในการสลายไขมันตามจุดต่างๆ โดยการ fat burn หรือเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานนั่นเอง

      นอกจากนี้ก็ยังมี Triglyceride, Tyrosine, Aesculus hippocastanum, Juglans regia และ Nicotiana tabacum ซึ่งมีส่วนช่วยในการสลายไขมัน เพิ่มการแตกตัวของไขมัน ลดอาการบวมน้ำและเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต

      เมโสแฟต เหนียง ลดได้จริงหรือไม่?

      การฉีด เมโสแฟต ไม่ว่าจะเป็นที่เหนียง หรือฉีดลดไขมันบนใบหน้าบริเวณไหนก็ตาม สามารถลดได้จริง สามารถเห็นผลลัพธ์ประมาณ 60-70% (ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส) แต่เซลล์ไขมันก็สามารถเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น การรับประทานของหวานเป็นประจำ การไม่ได้ออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งหากทำการฉีด เมโสแฟต เหนียงเป็นประจำควบคู่ไปกับคำแนะนำของแพทย์ ก็สามารถรักษาผลลัพธ์ที่พึงพอใจเอาไว้ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

      เมโสแฟต กี่วันเห็นผล

      การฉีด เมโสแฟต สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยจะมีเปอร์เซ็นต์การสลายตัวของไขมันอยู่ที่ประมาณ 15-20% แต่หลังจากนั้นประมาณ 1-3 สัปดาห์ก็จะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจน แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสด้วยว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นอย่างไร หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรทำการปรึกษาแพทย์และกลับมาฉีดซ้ำตามแผนการรักษา

      เมโสแฟต ต่างกับฉีดโบท็อกอย่างไร?

      ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การฉีดโบท็อก คือ การฉีดสารเพื่อระงับการทำงานของกล้ามเนื้อให้เกิดการคลายตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นกล้ามเนื้อในส่วนนั้นจึงหดตัวค่อยๆเล็กลง ส่วนการฉีด เมโสแฟต คือ การกระตุ้นให้ไขมันสลายตัวและกำจัดออกทางร่างกายตามธรรมชาติ จึงทำให้บริเวณนั้นๆมีไขมันลดลง

       

      อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกและการฉีด เมโสแฟต ก็มีส่วนทำให้สัดส่วนในร่างกายลดลงได้ โดยโบท็อก ทำงานกับกล้ามเนื้อ ส่วนเมโสแฟตทำงานกับไขมัน ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาด้วยว่าต้องการจะลดในบริเวณไหน โดยมีแพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำและสามารถทำการรักษาคู่กันทั้ง 2 อย่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย

      Woman treatment malika clinic 04

      เมโสแฟต อยู่ได้นานแค่ไหน?

      โดยปกติแล้วการฉีด เมโสแฟต จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการรักษา เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ การคุมอาหาร เป็นต้น ซึ่งปัจจัยที่ช่วยลดการสะสมของไขมันจะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

      เมโสแฟต 1 เข็มกี่ cc? เมโสแฟต 1 ขวดกี่ cc?

      เมโสแฟต 1 ขวด มีประมาณ 10 cc ซึ่งปริมาณในการฉีด เมโสแฟต 1 เข็ม แพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมของปัญหาไขมันสะสมที่เกิดขึ้นของแต่ละคนแตกต่างกันไป

      ฉีด เมโสแฟต ราคาเท่าไหร่?

      เมโสแฟต ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน จะต้องมีการรักษาร่วมกับการฉีดโบท็อกหรือไม่ ยี่ห้อเมโสแฟตและปริมาณที่เลือกใช้ โดยมีคุณหมอเป็นผู้ประเมิน ผู้รับการรักษาจะทำการปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมว่ามีงบเท่าไหร่และแบบไหนที่เหมาะมากกว่ากัน ส่วนมากจะนิยมฉีดเป็นคอร์ส โดยราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท หรือจะเหมาทั้งขวด (ราคาตามยี่ห้อ) ก็ได้

      เมโสแฟต รีวิว

      การฉีด เมโสแฟต ช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนได้ตามที่ต้องการ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1-3 สัปดาห์หลังจากการฉีด  หากต้องการให้ไขมันลงมากขึ้นก็ต้องมาฉีดซ้ำ ซึ่งใช้เวลาฉีดไม่นานและไม่มีสารตกค้างใดๆในร่างกาย ถือว่าเป็นการลดไขมันเฉพาะจุดที่ไม่เจ็บตัวและไม่ต้องทำการพักฟื้นใดๆ

      ข้อควรปฏิบัติหลัง ฉีด เมโสแฟต

      1. งดการทำทรีทเม้นท์ผิวหรือสครับผิวหลังจากการฉีดเมโสแฟต เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
      2.
      หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่
      3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น ลดการทานของทอด ของหวาน รวมทั้งการออกกำลังกายเพื่อให้การลดไขมันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

      สรุปการฉีด เมโสแฟต

      การฉีด เมโสแฟต ในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะเป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม หรือพักฟื้นใดๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดในร่างกายก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เห็นผลเร็วและสามารถกลับไปฉีดซ้ำได้ แต่การฉีดเมโสแฟตจะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้นการเลือกฉีดเมโสแฟตในสถานบริการที่มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก โดยสามารถพิจารณาจากประสบการณ์ของคุณหมอผ่านคำแนะนำ การประเมินการรักษา การเลือกใช้เมโสแฟตที่มีคุณภาพ มีอ.ย. ราคาไม่ต่ำจนเกินไป หรือรีวิวในเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ควรจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวคุณเอง

      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
      dr ben malika clinic 02

      ขอคำแนะนำเรื่องการเมโสแฟต หรือต้องการสอบถามโปรโมชั่นของทางคลินิก สามารถสอบถามมาที่ทางคลินิกได้โดยตรงที่ Malika Clinic by dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) เบอร์โทร 095-450-9355 หรือแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic หมอเบญตอบแชตเองค่ะ

      Woman laser treatment malika clinic 02

      เจาะลึกเลเซอร์ขน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์ขนรักแร้ กี่วันหลุด กี่ครั้งเห็นผล เลเซอร์ขนที่ไหนดี

      เจาะลึกเลเซอร์ขน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์ขนรักแร้ กี่วันหลุด กี่ครั้งเห็นผล เลเซอร์ขนที่ไหนดี

      ขนถือเป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ของหลายๆคน วิธีการกำจัดขนในบริเวณต่าง ๆ นั้นมีหลายวิธี เช่น การโกน ถอน แว็กซ์ และเลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่วิธีการกำจัดขนด้วยการเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถกำจัดขนได้ถาวร ดังนั้นใครที่กำลังมองหาข้อมูลการกำจัดขนด้วยเลเซอร์อยู่วันนี้หมอเบญมีข้อมูลมาฝากให้หนุ่มๆสาวๆได้ใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ

      สารบัญบทความเรื่องเลเซอร์ขน
        Add a header to begin generating the table of contents

        เลเซอร์ขน

        การกำจัดขนด้วยวิธีการเลเซอร์ขนนั้นเป็นวิธีที่สามารถกำจัดได้แบบถาวรหรือหากว่ามีการงอกของขนขึ้นใหม่หลังการทำเลเซอร์ก็จะงอกในระยะเวลาที่ช้าลง โดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องทำเลเซอร์ซ้ำประมาณ 8-10 รอบ แล้วแต่สภาพขนของแต่ละบุคคล

        เลเซอร์ขนมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร

        วิธีการเลเซอร์ขนนั้นมีหลายแบบ ซึ่งวิธีแต่ละวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝากผู้อ่านทุกท่านในวันนี้มี 2 วิธีคือ Diode laser และ Gentle YAG laser

          Diode laser เป็นเทคโนโลยีกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นแบบจำเพาะเจาะจงที่สามารถยิงเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังได้ถึง 800 – 810 nm, 940 nm และ 1064 – 1350 nm โดยสามารถเลือกปรับความยาวคลื่นได้ตามความเข้มของสีขนและสีผิว ทั้งนี้ข้อดีของการทำเลเซอร์แบบนี้ก็คือหัวเลเซอร์มีระบบ Cooling ช่วยลดอาการเจ็บระหว่างทำ ไม่ก่อให้เกิดอาการผิวไหม้ และการปล่อยคืนในค่าที่คงที่ ทำให้ลดอาการเจ็บระหว่างวันได้

        diode laserเครื่อง Diode Leser

          Gentle YAG laser สามารถกำจัดขนได้ในระดับรากขนและทุกสีผิว ซึ่งสามารถลดการเกิดใหม่ของเส้นขนและที่สำคัญช่วยลดอาการเบิร์นของผิวหนังหลังทำได้

        เลเซอร์ขน เจ็บไหม

        ความเจ็บขณะทำเลเซอร์ขนขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าบริเวณผิวที่ทำเลเซอร์มีความบอบบางอาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ซึ่งเราสามารถแจ้งแพทย์ได้ โดยทางคลินิคจะทายาชาที่บริเวณดังกล่าวเพื่อลดอาการเจ็บเล็กน้อยนี้

        เลเซอร์ขนกี่วันหลุด ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล

        แน่นอนว่าคำถามยอดฮิตของการกำจัดขนด้วยวิธีการยิงเลเซอร์ก็คือระยะเวลาของขนที่จะหลุดนั้นใช้เวลากี่วัน ซึ่งปกติแล้วเมื่อยิงเลเซอร์กำจัดขนแล้วเส้นขนจะค่อยๆ หลุดร่วงออก ส่วนเส้นขนที่ขึ้นใหม่ก็จะบางลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้การกำจัดขนด้วยวิธีการดังกล่าวจะต้องอาศัยการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่แล้วควรที่จะทำติดต่อกันประมาณ 8-10 ครั้ง ในแต่ละครั้งก็ควรที่จะทิ้งระยะห่างประมาณ 3-4 สัปดาห์ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

        Woman laser treatment malika clinic 02

        เลเซอร์ขนอยู่ได้นานแค่ไหน

        เมื่อทำเลเซอร์กำจัดขนแล้ว ขนของเราจะขึ้นช้าลงมากตั้งแต่ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป และเมื่อทำเลเซอร์ถึงครั้งที่ 8-10 แล้ว ในบางคนนั้นอาจใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าที่ขนชุดใหม่จะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกวันนี้การเลเซอร์ขนกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถกำจัดขนได้อย่างถาวรและใช้เวลาอีกเป็นปีถึงจะมีขนชุดใหม่เกิดขึ้น

        เลเซอร์ขน ทำบริเวณไหนได้บ้าง

        อย่างที่ทราบกันดีว่าการกำจัดขนด้วยวิธีเลเซอร์นั้นเป็นวิธีที่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร ดังนั้นจึงทำให้คนนิยมทำเลเซอร์กำจัดขนในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งวิธีการกำจัดขนทั้งสองวิธีที่กล่าวไปในข้างต้นก็สามารถกำจัดได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย ดังต่อไปนี้

          เลเซอร์ขนหน้า : นิยมทำกันทั้งในหมู่ผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลามากขึ้น
          เลเซอร์ขนรักแร้ : บริเวณยอดฮิตที่นิยมทำเลเซอร์มากที่สุด
          เลเซอร์ขนขา : นิยมกันมากทั้งในหนุ่มสาว ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำค่อนข้างนาน เนื่องจากมีปริมาณขนค่อนข้างเยอะ
          ลเซอร์ขนบิกินี : สาวๆ สายฝ. จะไม่มีทางพลาดการทำเลเซอร์ในจุดนี้เด็ดขาด เพราะเดี๋ยวใส่บิกินี่ไม่สวยนั่นเองค่ะ

        laser-epilation-hair-removal-therapy (1)

        เลเซอร์ขน ราคา

        ในส่วนของราคาในการทำต่อครั้งจะอยู่ที่ 500 – 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะเข้ารับการยิงเลเซอร์และรูปแบบเทคโนโลยีที่จะใช้ในการดูแล ส่วนใหญ่แล้วทางคลินิกจะมีข้อเสนอในราคาพิเศษแบบเหมาจ่ายให้ซึ่งเราจะได้ในราคาที่ถูกลงนั่นเองค่ะ

        เตรียมตัวก่อนเลเซอร์ขน

        ในส่วนของการเตรียมตัวก่อนที่จะเข้ารับการยิงเลเซอร์กำจัดขนนั้นสิ่งที่เพื่อนๆ ห้ามทำเด็ดขาดก็คือ การกำจัดขนด้วยวิธีการโกน ถอน หรือแว็กซ์ การอาบแดดหรือให้ความร้อนแก่ร่างกาย การสครับผิว ตลอดจนการใช้ผลิตภัณฑ์และสเปรย์ต่าง ๆ เป็นต้น

        ดูแลตัวเองหลังเลเซอร์ขน

        ข้อควรระวังในการทำเลเซอร์ก็คือเมื่อทำเสร็จใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนแก่ร่างกาย การขัดผิวหรือสครับผิว และการออกกำลังกาย เป็นต้น ทั้งนี้สิ่งที่สามารถำได้เมื่อยิงเลเซอร์แล้วก็คือการประคบเย็นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้การดูแลผิวในส่วนที่ทำเลเซอร์มาควรจะทะนุถนอมและดูแลเป็นพิเศษ เช่น การใช้น้ำมันชโลมผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เป็นต้น

        ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
        dr ben malika clinic 02

        ที่ Malika Clinic by Dr. Ben มีบริการเลเซอร์ขน ด้วยเครื่อง Diode Laser ซึ่งเป็นวิธีเลเซอร์ขนที่กำลังได้รับความนิยม หากผู้อ่านสนใจ อยากปรึกษา ขอคำแนะนำเรื่องการเลเซอร์ขน หรือต้องการสอบถามโปรโมชั่นของทางคลินิก สามารถสอบถามมาที่ทางคลินิกได้โดยตรงที่ Malika Clinic by dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) เบอร์โทร 095-450-9355 หรือแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic หมอเบญตอบแชตเองค่ะ

        shaving hair

        แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

        แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

        สาวๆและหนุ่มๆหลายๆคนคงจะเคยสงสัยว่า “ขน” ที่ขึ้นอยู่ตามร่างกายของเรานั้นมีไว้เพื่ออะไร? ขนที่ขึ้นตามบริเวณต่างๆในร่างกายต่างก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป นอกจากจะเป็นอวัยวะรับความรู้สึกแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อน ป้องกันแสงแดดและป้องกันอันตรายได้ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ขนที่ขึ้นบางส่วน ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆหลายๆคนสักเท่าไหร่ เช่น ขนคิ้ว รักแร้ ขา แขน หนวด รวมไปถึงจุดซ่อนเร้น เป็นต้น จึงเป็นที่มาของวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด? ศึกษาได้ในบทความนี้เลย

        หมอเบญนำบทความเปรียบเทียบการกำจัดขนแต่ละประเภทมาให้สาวๆได้อ่านกันแล้วค่ะ
          Add a header to begin generating the table of contents

          วิธีกำจัดขนแต่ละประเภท

          พูดถึงวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การโกนขน การแวกซ์กำจัดขน และเลเซอร์กำจัดขน ซึ่งการกำจัดขนส่วนใหญ่ทำเพื่อความสวยงาม บางกรณีอาจจะเป็นการรักษาความผิดปกติของขนที่ขึ้นตามร่างกาย เช่น โรครูขุมขนอักเสบ หรือขนคุด โรคมนุษย์หมาป่า หรือขนดก เป็นต้น มาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?

          shaving hair

          การกำจัดขนด้วยการโกน

          การกำจัดขนด้วยการโกน เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวโดยใช้มีดโกน หรือเครื่องโกนขนไฟฟ้า ส่วนมากนิยมกำจัดขนบริเวณใบหน้า การโกนหนวด หรือการตัดผมของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงนั้นจะใช้โกนบริเวณรักแร้ ขา แขนและจุดซ่อนเร้นเป็นส่วนใหญ่ เทคนิคในการโกน คือ การทำให้ผิวบริเวณที่ต้องการโกนขน มีความเปียกเล็กน้อยเพื่อให้ขนอ่อนนุ่มลงและโกนได้ง่ายขึ้น บางแห่งที่เป็นบริเวณผิวบอบบางสามารถใช้ครีมโกนขนร่วมด้วยได้และให้โกนตามแนวขนเพื่อป้องกันการระคายเคือง

          ข้อดีของการโกน :

          การโกนขนสามารถทำได้เองง่ายๆที่บ้าน มีความสะดวกสบายและไม่มีความซับซ้อนใดๆเพียงแค่มีอุปกรณ์โกนขนเท่านั้น สามารถโกนได้ทุกบริเวณที่ต้องการโดยทันที

          ข้อเสียของการโกน :

          การโกนขนเป็นการกำจัดขนแบบชั่วคราว ไม่ได้ดึงเส้นขนออกมาทั้งราก จะให้ผลลัพธ์ประมาณ 1-3 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจจะต้องโกนบ่อย ซึ่งเป็นบ่อเหตุของการเกิดอาการระคายเคืองผิว ตุ่มนูนแดง อาการขนคุด หรืออาจเป็นเหตุทำให้มีดโกนบาดผิวหนังและติดเชื้อได้ง่าย

          waxing hair

          การแวกซ์กำจัดขน

          การกำจัดขนด้วยการแวกซ์ เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวอีกเทคนิคหนึ่งแต่เป็นการถอนขนออกมาทั้งเส้น ซึ่งจะใช้แวกซ์อุ่นๆ หรือแวกซ์เย็นในการกำจัดขน นิยมใช้บริเวณใต้วงแขน ขา แขนและจุดซ่อนเร้น ซึ่งจะเป็นการนำแวกซ์กำจัดขนป้ายลงบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน จากนั้นใช้แถบผ้าขนาดต่างๆทับลงไปและรอให้แวกซ์แห้งแล้วจึงดึงแถบผ้าออกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เส้นขนหลุดติดมากับแถบผ้านั้น

          ข้อดีของการแวกซ์กำจัดขน :

          การแวกซ์กำจัดขนสามารถทำได้ที่ร้าน หรือซื้อแบบแผ่นสำเร็จรูปมาทำเองได้ที่บ้านได้ง่ายๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการกำจัดขนได้ทุกส่วนบนร่างกาย ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ประมาณ 3-6 สัปดาห์ จึงไม่ต้องทำบ่อยและควรปล่อยให้เส้นขนยาวเพิ่มอย่างน้อย 6 มิลลิเมตรเพื่อให้การแวกซ์ครั้งต่อไปง่ายขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การแวกซ์กำจัดขนช่วยให้ผิวเรียบเนียนกว่าและขนที่ขึ้นใหม่นั้นจะบางกว่าการโกนนั่นเอง 

          ข้อเสียของการแวกซ์กำจัดขน :

          การแวกซ์กำจัดขนจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและจะรู้สึกเจ็บปวดกว่าการโกน อาจจะมีรอยแดง หรือตุ่มนูนหลังจากการแวกซ์ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในกรณีที่ผิวไหม้ หรือการใช้ยารักษาสิวบางชนิดที่ทำให้ผิวบางลงด้วย

          laser-epilation-hair-removal-therapy (1)

          เลเซอร์กำจัดขน

          วิธีกำจัดขนแบบเลเซอร์นี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความร้อนยิงเข้าไปที่รูขุมขนเพื่อทำลายและยับยั้งการเติบโตของเส้นขน ด้วยหลักการทำงานง่ายๆ คือ การจับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีเลเซอร์ 3 ประเภทที่เป็นที่นิยม

          ข้อดีของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

          การยิงเลเซอร์ขนให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าแต่คุณไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน จะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการกำจัดขนแบบถาวรที่กำจัดขนได้ลึกจนถึงราก ลดอัตราการเกิดใหม่และไม่ทำร้ายผิวด้วย

          ข้อเสียของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

          การยิงเลเซอร์ขนจะต้องยิงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 5 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและจะต้องทำที่ร้านเท่านั้น ไม่สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ในปัจจุบันการเลเซอร์ขนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก บางครั้งเริ่มต้นเพียงหลักพันต้นๆเท่านั้น

          ประเภทของเลเซอร์กำจัดขน

          เลเซอร์ IPL

          เป็นคลื่นความถี่ช่วง 650 nm-1200 nm โดยใช้หลักการส่งความร้อนไปจับกับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนเพื่อทำลายเซลล์รากขนให้อ่อนแอลง หลังจากทำแล้วขนจึงค่อยๆหล่นร่วงไป หากงอกขึ้นมาใหม่ก็จะไม่แข็งแรงและเป็นเส้นบาง จนกระทั่งไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก เลเซอร์ IPL นี้ ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน ซึ่งสามารถไปยิงซ้ำได้เรื่อยๆ

          เลเซอร์ Yag

          เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 1064 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ ซึ่งเลเซอร์ yag สามารถกำจัดขนได้ 20-30% ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ทำประมาณ 5-8 ครั้ง หรือจนกว่าเส้นขนจะถูกกำจัดออกทั้งหมด โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากทำครั้งที่ 5 เป็นต้นไป

          เลเซอร์ diode

          เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 880 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ เนื่องจากเป็นลำแสงขนาดเล็กจึงสามารถผ่านผิวลงไปได้ลึก กำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็กแต่เส้นขนจะค่อยๆร่วงในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากทำ จึงจะต้องมาทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน

          diode laser
          เครื่องเลเซอร์ Diode

          เลเซอร์กำจัดขนแบบไหนดีที่สุด

          เลเซอร์กำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีแตกต่างกันไป หากพิจารณาตามช่วงความยาวของคลื่น ยิ่งขึ้นยาวมากเท่าไหร่ก็ทำให้กำจัดลึกถึงรากขนได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเลเซอร์ Yag จึงถือว่าเป็นเลเซอร์ที่ลงลึกถึงรากขนได้มากที่สุดถึง 7 มิลลิเมตรเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยกำจัดเส้นขนได้หมดจดโดยที่ไม่เกิดรอยไหม้ รอยดำ หรือการระคายเคืองแล้ว ยังสามารถทำได้ทุกบริเวณ รวมถึงจุดซ่อนเร้นด้วย ส่วน diode laser เป็นเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนโดยเฉพาะ และไม่ทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานีน ทำให้สามารถทำเลเซอร์ได้แม้ในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหนังที่สุด

          วิธีกำจัดขน แบบไหนดีที่สุด

          วิธีกำจัดขนแบบไหนดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องโจทย์ความต้องการ ความสะดวกสบาย ค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์ที่ได้รับและข้อเสียที่ยอมรับได้ เพราะวิธีกำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการกำจัดขนแบบไหนมากกว่า

          ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
          dr ben malika clinic 02

          หากอ่านมาถึงตรงนี้แต่ยังไม่แน่ใจว่าเลเซอร์กำจัดขนตัวไหนที่เหมาะกับตัวเรา สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือขอคำแนะนำกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben เบอร์โทร 095 450 9355 หรือ Line ID: @malikaclinic ส่งข้อความมาถามหมอเบญได้เลยค่ะ หมอเบญตอบแชตเองและยินดีให้คำปรึกษาคนไข้ทุกคนค่ะ