@DrBenBkkLogin

what is scuptra

รู้จัก sculptra คืออะไร? ราคาเท่าไร? เหมาะกับใคร? พร้อมดูรีวิว Sculptra

รู้จัก Sculptra คืออะไร? ราคาเท่าไร? เหมาะกับใคร? พร้อมดูรีวิว sculptra

สาว ๆ เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น สัญญาณแห่งความแก่ชราและริ้วรอยแห่งวัยเริ่มมาเยี่ยมเยือน หนึ่งปัญหาที่น่าหนักใจของผู้หญิงหลาย ๆ คน คือ การมีริ้วรอยร่องลึก ผิวหน้าเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย ซึ่งอาจจะเกิดจากความสามารถในการสร้างคอลลาเจนของร่างกายที่ลดน้อยลง ในปัจจุบันมีวิธีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่น่าสนใจอย่าง sculptra รีวิวหัตถการการรักษาที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน เราจะพาไปทำความรู้จักกับ sculptra คืออะไร? sculptra ราคาเท่าไร? sculptra เหมาะกับใคร? ติดตามได้ในบทความนี้
what is scuptra

เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบเกี่ยวกับ Sculptra

what is scuptra

Sculptra คืออะไร

Sculptra คือ สารกำเนิดคอลลาเจนที่มีอนุภาคขนาดเล็กในกรด Poly-L-Lactic acid หรือ PLLA เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 จากใต้ชั้นผิวหนัง (ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่พบได้มากกว่า 90% ในร่างกายของคนเรา) และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากร่างกายของเราเองได้สูงสุดถึง 66.5% ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิวและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาวเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีการนำเอา Sculptra แบบฉีดมาใช้ในทางการแพทย์ด้านความสวยความงาม ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใบหน้า ช่วยทำให้ผิวกระชับ อิ่มฟูและดูยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ

Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร

Biostimulator คือ การรักษาทางการแพทย์เพื่อความงามและการชะลอวัย โดยใช้หลักการ Natural Healing และ Regenerative process ด้วยการใช้สารกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างผิวหนังในร่างกายด้วยตัวเอง ดังนั้น PLLA จึงถือว่าเป็นสารในกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีความปลอดภัย สามารถย่อยสลายได้และนิยมนำมาทำเป็นไหมละลายสำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างผิวหน้า เติมเต็ม ยกกระชับและลดริ้วรอยเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์นั่นเอง

Sculptra มีหลักการทำงานอย่างไร

Sculptra ใช้ผสมกับ Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าผิวบริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ตัวยาจะกระจายตัวไปทั่วชั้นผิวหนัง จากนั้นก็จะไปเพิ่มปริมาณ Fibroblast เพื่อกระตุ้นการสร้างโปรตีน 2 ชนิดที่สำคัญ คือ คอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิวหนัง เปรียบเสมือนตัวพยุงผิวหนังในชั้น Dermis และผิวหนังชั้นกลางที่มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากมาย จึงทำให้ผิวบริเวณที่ถูกฉีดดูอิ่มฟูได้ นอกจากนี้ PLLA ยังเปลี่ยนแปลงเป็นกรดแลคติกเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวสดใสและเนียนนุ่ม ช่วยให้โครงสร้างผิวหนังมีความแข็งแรงในระยะยาว แม้ว่าระยะเวลาจะผ่านไป หรือ Sculptra จะสลายตัว แต่ร่างกายก็ยังมีเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาได้เองอยู่ดี

Sculptra ช่วยเรื่องอะไร

Sculptra ช่วยฟื้นฟูผิวหนังจากชั้นใต้ผิวหนัง ลึกถึงระดับโครงสร้างเพื่อปรับปรุงให้ผิวแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ดูจางลง รวมทั้งปรับผิวให้ดูกระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
what is scuptra

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ผิวขาดความยืดหยุ่นและผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก รวมทั้งผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวจากโครงสร้างภายในและผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน ไม่ต้องกลับมาฉีดบ่อย ๆ อีก

Sculptra เห็นผลทันทีไหม

การฉีด Sculptra อาจจะไม่ได้เห็นผลทันทีหลังจากการฉีดแต่จะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับประมาณ 3-4 สัปดาห์

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

  • เข้ารับการตรวจประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา
  • แปะ หรือทายาชาบริเวณที่จะฉีด ประมาณ 45 นาที ในขณะเดียวกันแพทย์จะทำการเตรียม sculptra ให้อยู่ในรูปแบบ Active form ผสมกับ Sterile water ให้พร้อมใช้งาน
  • ทำการฉีด sculptra ลงไปด้วยเข็มทู่ ในชั้นผิวลึกประมาณ1.5-2 มิลลิเมตร
  • ทำการนวดหน้าเพื่อให้ยากระจายตัวไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนทั่วชั้นผิว

ควรฉีด Sculptra กี่ครั้ง?

การฉีด sculptra 1 ครั้งจะใช้จำนวน 10 ซีซี โดยทั่วไปแล้วจะฉีด 1-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอายุและปัญหาผิวที่เกิดขึ้นแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่ละครั้งจะฉีดเว้นระยะห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุด
what is scuptra

ผลข้างเคียงของการฉีด Sculptra

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดหลังการรักษา sculptra คือ เจ็บ จะเกิดอาการบวม แดง ช้ำ มีเลือดออก คัน หรือเป็นก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังร่วมกับผิวอักเสบ หรือสีผิวที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองตามลำดับ

Sculptra ราคาเท่าไร?

sculptra ราคาเริ่มต้นที่ 29,000 บาท (10 ซีซี) เป็นราคามาตรฐานยาของแท้ในประเทศไทย

วิธีดูแลหลังฉีด Sculptra

หลังฉีด sculptra อาจเกิดผลข้างเคียงอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ผู้เข้ารับการรักษาจึงสามารถทำการประคบเย็นหลังจากการฉีดได้ทันทีเพื่อลดอาการบวมช้ำ หรือรอยแดงที่เกิดขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ ความร้อน หรือการออกกำลังกายหนัก ๆ ทั้งนี้ต้องสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ควรรีบติดต่อแพทย์เพื่อหาวิธีการแก้ไขโดยเร็วที่สุด และ ควรนวดหน้าตามหลัก Triple 5 วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วใบหน้า
what is scuptra
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02
การฉีด sculptra เป็นการใช้สาร PLLA ในการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างของเนื้อเยื่อในร่างกาย เมื่อร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้มีประสิทธิภาพแล้ว ก็สามารถฟื้นฟูสภาพผิวที่เสื่อมโทรมจากภายในสู่ภายนอก เผยผิวอ่อนเยาว์แบบสมบูรณ์แบบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นการเข้ารับการรักษากับสถานบริการที่มีการใช้ยาของแท้ อยุ่ภายใต้การรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีการฉีดได้ถูกบริเวณ ถูกเทคนิคก็จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการรักษาดังกล่าวไม่จำเป็นต้องกลับไปฉีดบ่อย ๆ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปีอีกด้วย

รู้จัก sculptra คืออะไร? ราคาเท่าไร? เหมาะกับใคร? พร้อมดูรีวิว Sculptra Read More »

filler-physiognomy

ฟิลเลอร์ขมับ ปรับโหงวเฮ้ง ยี่ห้อไหนดี พร้อมดูรีวิว

ฟิลเลอร์ขมับ ปรับโหงวเฮ้ง ยี่ห้อไหนดี พร้อมดูรีวิว

ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสวยงามขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเสริมโหงวเฮ้งบนใบหน้าให้ดูมีสง่าราศีอีกด้วย ดังนั้นการเลือกฟิลเลอร์ขมับ เพื่อปรับโหงวเฮ้งจึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องศึกษาเป็นอย่างดีก่อนเข้ารับการทำหัตถการนั่นเอง

เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบเกี่ยวกับฟิลเลอร์ขมับ

filler-physiognomy

ฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร

ฟิลเลอร์ขมับ คือ ฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็มในบริเวณขมับให้ดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น โดยฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ฉีดเข้าในบริเวณใบหน้านั้นจะเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถฉีดในบริเวณขมับได้เท่านั้น แต่ยังสามารถฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และโหนกแก้ม เป็นต้น

ฟิลเลอร์ขมับช่วยเรื่องอะไรบ้าง

จากอายุที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้บริเวณต่างๆ บนใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งขมับเป็นหนึ่งในบริเวณที่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อใบหน้าของเราเป็นอย่างมาก โดยการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะสามารถช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงได้หลายประการดังนี้

  • ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และละมุนมากขึ้น เนื่องจากบริเวณหน้าผากและขมับเรียบเนียนเสมอกัน
  • ช่วยแก้ปัญหาหางตาตกและเปลือกตาหย่อน ส่งผลให้ดวงตาดูกลมโตมากขึ้น เสริมสร้างความสดใสให้กับใบหน้า
  • สร้างความสมส่วนให้กับใบหน้า ยกกระชับปัญหาบริเวณหน้าแก้ม ใบหน้าดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • ช่วยเสริมโหงวเฮ้งจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพราะตามหลักของโหงวเฮ้งเชื่อว่าจะทำให้รับทรัพย์มากมาย มีคนอุปถัมภ์ค้ำจุน และมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

ฟิลเลอร์ขมับเหมาะกับใคร

  • ผู้มีโหนกแก้มสูง เนื่องจากบริเวณขมับยุบตัวลง การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้ามีความเรียวและสมส่วนมากขึ้น
  • กลุ่มผู้ที่ลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอย่างมาก เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูซูบผอมลงได้นั่นเอง
  • ผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง โดยเฉพาะในบริเวณหน้าผากและขมับที่จะต้องดูโดดเด่นเพื่อเรียกทรัพย์ การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อเสริมโหงวเฮ้งจึงสามารถช่วยได้

ฟิลเลอร์ขมับไม่เหมาะกับใคร

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส ดึง หรือ ลอกหนังบริเวณริมฝีปาก
  • งดการทาลิปสติก หรือ เครื่องสำอางที่มีผลต่อหนังริมฝีปาก
  • พยายามงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมไปถึงเครื่องดื่มร้อนๆ ที่อาจทำให้ปากบวมหรืออักเสบ
  • ลดการทำกิจกรรมหนักๆ หรือ การออกกำลังกายที่มีผลทำให้รูปปากเสียทรง
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพราะการดื่มน้ำให้มากๆ จะช่วยเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อระยะการคงรูปที่นานยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ขมับไม่เหมาะกับใคร

สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีอาการแพ้สารในกลุ่ม HA และยาชา ผู้ที่เป็นเริม โรคงูสวัส โรคเลือดไหลไม่หยุด และผู้ที่มีประวิติการเป็นคีลอยด์ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ขมับหรือต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ขมับกับการเติมไขมันขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ การเติมไขมันขมับ
ใช้สารเติมเต็ม HA ในการฉีด ใช้ไขมันที่ดูดจากตัวเองในบริเวณอื่นฉีด
ฉีดได้เลย ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่จับตัวเป็นก้อน มีหลายขั้นตอน ดูดไขมัน ปั่นแยก และตรวจสอบก่อนที่จะสามารถฉีดขมับได้
เห็นผลทันทีหลังฉีดและอาจมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด ในกรณีที่ขมับยุบมาก จำเป็นต้องใช้ไขมันเติมเข้าไปเยอะ ราคาจะถูกกว่า แต่ต้องทำซ้ำหลายครั้งจนกว่าจะเห็นผล
ไม่ต้องมีการพักฟื้นร่างกาย สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย บริเวณที่เติมไขมันจะดูบวมกว่าปกติและต้องใช้ระยะเวลาจึงจะยุบเป็นปกติ และบริเวณที่ถูกดูดไขมันอาจมีรอยฟกช้ำ
ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นกับแต่ละบุคคล

ฟิลเลอร์ขมับควรใช้กี่ cc

ในส่วนปริมาณที่ควรใช้ เราขอแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่าบริเวณขมับของแต่ละท่านควรจะต้องฉีดท่านละกี่ซีซี แต่ทั้งนี้โดยทั่วๆ ไปแล้วจะใช้ในปริมาณ 1-3 ซีซีค่ะ

ฟิลเลอร์ขมับ ราคาเท่าไร

ราคาของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันเสริมความงาม เพราะนอกจากค่าฟิลเลอร์ขมับแล้ว ยังต้องรวมค่าบริการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะคิดราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 14,000 บาท

ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

  • หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ควรอยู่ในที่มีอากาศเย็นหรืออย่างน้อย 26 องศาเซลเซียส
  • ประคบเย็นในบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวม
  • ทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์จ่ายยาให้
  • หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ทรีตเม้นต์ และเลเซอร์ ตลอดจนการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรด AHA
  • งดของหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วันหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02

ฟิลเลอร์ขมับ ปรับโหงวเฮ้ง ยี่ห้อไหนดี พร้อมดูรีวิว Read More »

filler lips before after

ฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ อยู่ได้กี่เดือน ฟิลเลอร์ปาก 1 cc ฉีดได้เยอะแค่ไหน

ฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ อยู่ได้กี่เดือน ฟิลเลอร์ปาก 1 cc ฉีดได้เยอะแค่ไหน

การฉีดฟิลเลอร์ปากถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดฮิตที่ช่วยแก้ปัญหารูปปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะมากๆ กับคนที่ริมฝีปากบาง ทาลิปสติกแล้วดูไม่อวบอิ่ม หรือต้องการเพิ่มความฉ่ำวาวให้กับรูปปาก เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เวลาฉีดที่ไม่นานแล้ว สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังจากการฉีดได้เลย ที่สำคัญคือไม่มีรอยบวม ไม่ช้ำเขียว ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเป็นวัน และเห็นผลได้ทันที ซึ่งถ้าใครที่ยังมีข้อสงสัยว่าฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่? หลังจากฉีดต้องดูแลยังไง? หรือ ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้กี่เดือน? ก็สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้

เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก ควรฉีดกี่ cc

การฉีดฟิลเลอร์ปากจะเริ่มต้นที่ปริมาณตั้งแต่ 1 cc ขึ้นไป ซึ่งสถาบันความงามส่วนใหญ่จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยวิเคราะห์เป็น case by case ไป เพราะปริมาณที่เลือกใช้จะขึ้นอยู่กับภาพรวมของใบหน้า รวมถึงความต้องการพื้นฐานของผู้รักษาว่าอยากได้ปากที่ดูอวบอิ่ม ริมฝีปากเป็นกระจับ หรือรูปทรงอื่นๆ ที่รับกับรูปหน้าของแต่ละราย ฟิลเลอร์ปาก 1 cc ฉีดได้เยอะแค่ไหน พอหรือไม่ โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ 1 cc ก็เพียงพอสำหรับการเติมรูปปากให้สวยงามแล้ว ตอบโจทย์ทั้งเคสริมฝีปากบาง ปากแห้ง หรืออยากปรับทรงให้สวยตามธรรมชาติ ยกเว้นบางเคสที่อยากเติมให้ปากอวบอิ่ม หรือต้องการวอลลุ่มมากๆ ก็อาจต้องใช้มากถึง 2 cc ขึ้นไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้ดุลยพินิจและความเหมาะสมที่แพทย์ได้ช่วยประเมินก่อนแล้ว

ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้กี่เดือนกันแน่? ฟิลเลอร์ในแต่ละยี่ห้อจะมีอายุอยู่ได้นานไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้ตั้งแต่ 12-18 เดือน บางประเภทมีระยะเวลาแค่ 6-9 เดือนเท่านั้น ซึ่งนอกจากยี่ห้อแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของฟิลเลอร์อีกเพียบ เช่น การดูแลตนเองหลังฉีด, พฤติกรรมการนอนหรือการบริโภค, การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นเคล็ดลับที่สำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงประสิทธิภาพได้นานตามอายุจริง

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน กี่วันถึงเข้าที่

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc หลายท่านอาจพบอาการบวมแดง หรือ รู้สึกตึงๆ ที่บริเวณริมฝีปาก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบบ่อยมากๆ ในทุกเคส โดยจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 4-5 วัน และจะใช้เวลา 7-14 วันก็จะเริ่มเห็นรูปทรงที่ชัดมากขึ้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่ต้องการทาลิปสติก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้งดก่อนภายใน 12 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นจึงสามารถทาได้ตามปกติ

ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส ดึง หรือ ลอกหนังบริเวณริมฝีปาก
  • งดการทาลิปสติก หรือ เครื่องสำอางที่มีผลต่อหนังริมฝีปาก
  • พยายามงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมไปถึงเครื่องดื่มร้อนๆ ที่อาจทำให้ปากบวมหรืออักเสบ
  • ลดการทำกิจกรรมหนักๆ หรือ การออกกำลังกายที่มีผลทำให้รูปปากเสียทรง
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพราะการดื่มน้ำให้มากๆ จะช่วยเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อระยะการคงรูปที่นานยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไร

ราคาฟิลเลอร์ปากจะอยู่ในเรทหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามยี่ห้อเป็นหลัก เพราะแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน บางแบรนด์จะเน้นไปที่ความอวบอิ่ม ทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 9,000-18,000 บาท นอกจากนี้อายุของฟิลเลอร์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้กำหนดราคาของฟิลเลอร์ ซึ่งหลักๆ ก็จะมีฟิลเลอร์จากอเมริกา, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี เป็นหลัก

ฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี

สำหรับท่านไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นปากแห้ง ปากไม่ชุ่มชื่น มีริ้วรอยที่ขอบปาก ริมฝีปากบาง หรือดูไม่อวบอิ่ม ที่นี่เราพร้อมให้บริการและแก้ไขปัญหาเหล่านี้จากแพทย์โดยตรง ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ทันสมัย ช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณกลับมาเรียบเนียนและชุ่มชื่นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยกมุมปาก เน้นขอบให้ชัด เป็นทรงกระจับ หรือ เพิ่มเนื้อปากก็ได้ทั้งหมด

สรุปเรื่องฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เป็นวิธีการรักษาที่เข้าไปเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม ชุ่มชื่นเป็นธรรมชาติ ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ดูสุขภาพดี กระจ่างใส โดยหากเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์แท้ก็จะยิ่งเสริมผลลัพธ์ให้ดูสวยปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ตามที่แพทย์แนะนำ และสำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปากก็สามารถเข้ามาสอบถาม หรือ พูดคุยขอคำแนะนำจากคุณหมอก่อนได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02

ฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ อยู่ได้กี่เดือน ฟิลเลอร์ปาก 1 cc ฉีดได้เยอะแค่ไหน Read More »

Juvederm all box model

ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี อยู่ได้กี่เดือน

ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี อยู่ได้กี่เดือน

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์การมีปากกระจับและอิ่มฟูกำลังมาแรงในขณะนี้ ทั้งปากแบบสายฝอหรือสายเกาก็มีให้คุณเลือกได้อย่างหลากหลาย ด้วยการเลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมตามแบบที่คุณต้องการ และแน่นอนว่าทุกวันนี้ฟิลเลอร์ที่มีให้เห็นตามโฆษณาหรือสถาบันเสริมความงามก็มีหลากหลายยี่ห้อจนเลือกไม่ถูก ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกให้คุณผู้อ่านได้ทราบถึงความแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละตัวที่กำลังมาแรงและเป็นที่สนใจในขณะนี้

วิธีเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่างๆ ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี?

หากจะถามว่าเลือกฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดีนั้น? ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ได้คุณจะต้องตอบให้ได้เสียก่อนว่าคุณต้องการที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อแก้ปัญหาใด เช่น แก้ปัญหารูปทรงของปากที่ไม่เท่ากัน แก้ปัญหาริมฝีปากแห้ง มุมปากตก หรือแม้แต่ริมฝีปากบาง เมื่อคุณสามารถตอบได้แล้วว่าคุณต้องการที่จะแก้ปัญหาในจุดใด คุณก็สามารถที่จะเลือกฟิลเลอร์ให้ตอบโจทย์ตามที่คุณต้องการได้ ซึ่งในการเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์นั้นเราแนะนำให้คุณเลือกร่วมกับแพทย์เฉพาะทางผู้ที่สามารถให้คำแนะนำคุณได้อย่างละเอียดนั่นเอง

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ปากแต่ละยี่ห้อ

อย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่าปัจจุบันนี้มีตัวเลือกฟิลเลอร์ให้คุณได้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่เรายกตัวอย่างมาวันนี้เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อดังและกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้นั่นเอง

  • ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ restylane
    สำหรับฟิลเลอร์ตัวแรกนี้เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดนขึ้นชื่อเรื่องการสร้างความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก ซึ่งแต่ละรุ่นจะถูกผลิตขึ้นมาให้ตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป โดยภาพรวมฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
  • ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ juvederm
    สำหรับฟิลเลอร์ juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาที่หลายคนอาจจะพอได้ยินกันมาบ้างแล้ว ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อนี้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเติมฟิลเลอร์ที่ปากได้ค่อนข้างกว้าง โดยสามารถมอบความอวบอิ่มให้กับปากได้แบบเป็นธรรมชาติ แบบสายฝอคือเน้นรูปปากชัดเจน และแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งได้อีกด้วย ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
  • ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ neuramis
    อีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์จากเกาหลีที่ถูกถามถึงในช่วงหลังมานี้อย่าง neuramis ความโดดเด่นของฟิเลอร์ยี่ห้อนี้คือประสิทธิภาพในการคงตัว ซึ่งอันที่จริงแล้วเหมาะสำหรับการฉีดเข้าสู่บริเวณใบหน้าชั้นลึก เช่น ขมับและคาง เป็นต้น ระยะเวลาอยู่ได้ 4-6 เดือนโดยประมาณ
  • ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ eptq
    ฟิลเลอร์น้องใหม่สัญชาติเกาหลีอีกหนึ่งตัวที่กำลังได้รับความนิยมเนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีสำคัญ 2 ตัว เพื่อลดการใช้สารที่ไม่จำเป็นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะทำให้ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อนี้ยืดหยุ่นสูง แต่คงสภาพได้ดีนั่นเอง โดยระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ได้คือ 6-12 เดือนโดยประมาณ

ฟิลเลอร์ปาก แต่ละยี่ห้อ ราคาเท่าไร (เปรียบเทียบราคาแต่ละยี่ห้อ)

ในส่วนของราคาฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อนั้นจะแตกต่างกันออกไปทั้งตามรุ่นและจำนวนซีซีที่คุณต้องการเติมโดยประมาณตามยี่ห้อดังนี้

  • ฟิลเลอร์ Restylane ราคาเริ่มต้นซีซีละ 14,900 บาท
  • ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเริ่มต้นซีซีละ 18,900 บาท
  • ฟิลเลอร์ Neuramis ราคาเริ่มต้นซีซีละ 6,900 บาท
  • ฟิลเลอร์ eptq ราคาเริ่มต้นซีซีละ 7,900 บาท

ฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี

การเลือกสถานที่ในการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น นอกจากความสะอาดของสถาบันเสริมความงามจะเป็นสิ่งสำคัญแล้ว แต่การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการที่จะฉีดฟิลเลอร์ให้นั้นสำคัญยิ่งกว่า นอกจากนี้รีวิวและความคิดเห็นต่างๆ ของสถาบันเสริมความงามก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่จะทำให้เราตัดสินใจเลือกที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

สรุปเรื่องฟิลเลอร์ปาก ควรเลือกยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ปากในปัจุบันนี้มีให้คุณได้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมที่จะถูกนำไปใช้ในการแก้ปัญหาริมฝีปากนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้กี่เดือนนั้นขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งระยะเวลาที่ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ระยะเลาประมาณ 6-12 เดือน และราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 6,900 – 18,900 บาทนั่นเอง
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02

ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี อยู่ได้กี่เดือน Read More »

Neuramis deep box malika clinic

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?

คุณรู้หรือไม่? ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายและมีผลข้างเคียง! ถึงแม้ว่าจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตานั้นมีความบอบบางมากและจะต้องใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ในบทความนี้เราจะพาไปดูอันตรายที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ว่าจะมาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไปดูกันว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรที่เกิดขึ้นได้บ้าง? พร้อมแนะนำวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์เบื้องต้นและวิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาเป็นจุดที่มีความบอบบาง สามารถเกิดอาการบวมได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เข็มที่มีความแหลมคม ขนาดเล็กในการฉีดฟิลเลอร์ หรือสารไฮยาลูรอนิคแอซิดเข้าไป โดยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อาจจะมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่

1. การฉีดฟิลเลอร์ปลอม

อย่างที่เราทราบกันดีว่า “ฟิลเลอร์” คือ สาร HA สารสังเคราะห์ที่มีความคล้ายคลึงกับโปรตีนธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งจะทำงานร่วมกับคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนังที่ช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว โดยฟิลเลอร์แท้จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ 100% ภายใน 1 – 2 ปี หรือทำการฉีดสารสลายฟิลเลอร์ที่ชื่อว่า “ไฮยาลูโรนิคเดส” (Hyaluronidase) เข้าไปได้ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายและก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ

ส่วนฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยอาจจะทิ้งสารเคมีตกค้างในร่างกายและเมื่อเวลาผ่านไปจะไหลรวมกันเป็นก้อน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอักเสบ บวม แพ้ ตุ่มนูนเป็นก้อน หรือเสียรูปทรงได้ ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือ การขูด หรือผ่าตัดออก นับว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อยเลยทีเดียว

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์เบื้องต้น รู้ได้อย่างไรว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้?

ฟิลเลอร์แท้สามารถทำการตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยหลัก 3 อย่าง คือ

  • ศึกษาเรื่องฟิลเลอร์ที่วางแผนฉีด ร่วมกับแพทย์ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันในการใช้งาน หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ หากเรารู้จักฟิลเลอร์ที่เราเลือกใช้แล้ว เราก็จะสามารถดูจุดที่เป็นของแท้ได้ง่ายขึ้น
  • เลข Lot ที่ผลิตต้องตรงกันทุกตำแหน่ง เช่น เลขล็อตตรงหน้ากล่อง เลขล็อตตรงหลอดฟิลเลอร์ เลขล็อตตรงสติ๊กเกอร์และเลขล็อตตรงซองใส่ หรืออาจจะทำการสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบข้อมูลของฟิลเลอร์ด้วย หรือหากไม่มั่นใจจริง ๆ ให้โทรสอบถามเลข Lot กับบริษัทผู้จำหน่ายโดยตรง
  • กล่องฉีดฟิลเลอร์ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ถูกแกะ ฉีกขาด ชำรุด หรือเสียหายก่อนการใช้งาน
Neuramis box checking malika clinic

2. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์

การฉีดฟิลเลอร์มีขั้นตอนที่เรียบง่ายและมีความปลอดภัยสูง หากผู้เข้ารับการรักษาได้ทำการฉีดฟิลเลอร์ของแท้โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แพทย์จะมีการวางแผนในการรักษาให้ตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ แนะนำการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทั้งประเภท ยี่ห้อ รุ่น ขนาดและสามารถใช้เทคนิคเฉพาะในการฉีดแก้ไขปัญหาบริเวณใต้ตาได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและมีความปลอดภัยกว่าการฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดโดยใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวม เป็นก้อนนูน หรืออักเสบในภายหลังได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้คุณเสี่ยงตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป เพราะคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน แพทย์ไม่มีประสบการณ์ หรืออาจมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมผสมในฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วย ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ถูกกว่ามากแต่ก็นับว่าเป็นความเสี่ยงในระยะยาวไม่น้อยเลย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจจะก่อให้เกิดอาการบวมได้ เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้ค่อนข้างบาง โดยอาการบวมจะหายไปเองในประมาณ 3 – 4 วัน และจะค่อย ๆ เข้าที่ขึ้นภายในประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนอาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ฟิลเลอร์เป็นของปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์และไม่ได้ใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการฉีดนั่นเอง

วิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี?

การฉีดฟิลเลอร์จะต้องคำนึงถึงการฉีดด้วยฟิลเลอร์ของแท้ โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และทำการรักษาในคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ โดยวิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้แก่

  • ผู้เข้ารับการรักษาสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดตามที่ต้องการได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น
  • มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่สะอาด ทันสมัย รวมทั้งบริเวณที่ให้บริการ มีความกว้างขวาง เป็นระเบียบ สามารถเดินทางได้ง่าย มีเอกสารประกอบการให้บริการอย่างถูกต้อง
  • มีเจ้าหน้าที่ หรือทีมงานที่คอยให้คำแนะนำในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน
  • ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ มีมาตรฐาน เพื่อความมั่นใจในการเข้ารับบริการ
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ก่อนและหลังการเข้ารับการรักษาเพื่อประกอบการตัดสินใจ

สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่หัตถการที่เป็นอันตราย แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีการศึกษาข้อมูลและรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนก่อนทำการรักษา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ต้องเป็นของแท้ ลดโอกาสฟิลเลอร์ไหลรวมกันเป็นก้อน ตุ่ม นูน หรือการฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร? Read More »

Filler under eye

ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane ต้องใช้รุ่นไหน ใช้กี่ cc ราคาเท่าไร ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา restylane ต้องใช้รุ่นไหน ใช้กี่ cc ราคาเท่าไร ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างไร

ปัจจุบันนี้หนุ่มสาวหันมาใส่ใจดูแลรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณกันมากขึ้น ผิวพรรณที่ดูสุขภาพดีก็เพียงพอแล้วที่จะเดินออกจากบ้านโดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางมากมายมาแต่งเติมบนใบหน้าของคุณ และแน่นอนว่าการดูแลผิวหน้าต้องอาศัยการใส่ใจดูแลเป็นพิเศษโดยเฉพาะในบริเวณผิวใต้ตา เนื่องจากผิวใต้ตานั้นค่อนข้างบอบบาง ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane จึงกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีการดูแลผิวใต้ตาที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้นั่นเอง

ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไร

อย่างที่เพื่อนๆ ทราบกันดีอยู่แล้วว่าฟิลเลอร์คือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ที่นิยมนำมาเติมใส่ชั้นในผิวหนังเพื่อช่วยให้ใบหน้าของเรามีความเอิบอิ่มและดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น โดยฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะความแตกต่างกันในส่วนของปริมาณโมเลกุล อายุการใช้งาน และบริเวณสำหรับเติม ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตาก็คือฟิลเลอร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาให้เหมาะแก่การดูแลรักษาผิวใต้ตาโดยเฉพาะ อย่างเช่นฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane

ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้สารสังเคราะห์ประเภทโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับสารในร่างกายของมนุษย์ในการเติมเต็มบริเวณกระดูกเบ้าตาที่มีการยุบตัวลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น พันธุกรรม เป็นภูมิแพ้ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ดวงตาอย่างไม่เหมาะสม เพื่อลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาดำคล้ำ รวมทั้งการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกใต้ตาเพื่อให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

ทำไมฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา restylane เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลือกใช้ โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ restylane นั้นเป็นแบรนด์ที่มีการผลิตมายาวนานที่สุด ประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของบริษัท Galderma ที่เลือกใช้เทคโนโลยี NASHA และ OBT จึงช่วยส่งเสริมให้บริษัทสามารถผลิตฟิลเลอร์ออกมาได้อย่างหลากหลายและมีความเหมาะสมต่อการนำไปรักษาผิวหน้าของคนไข้ที่มีปัญหาต่างกันออกไป โดยฟิลเลอร์ใต้ตาทั้งหมดที่มีอยู่มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 6-18 เดือน

ควรใช้ฟิลเลอร์ Restylane รุ่นไหนสำหรับการฉีดใต้ตา

Restylane เป็นฟิลเตอร์ที่ถูกวิจัยและพัฒนามาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านริ้วรอย ใบหน้าแห้งกร้าน หรือแม้แต่ผิวคล้ำเสีย ดูไม่ชุ่มชื้น โดยเฉพาะปัญหาใต้ตา ที่ผลิตภัณฑ์ Restylane แต่ละรุ่นสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุดตามบริเวณที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น Restylane Vital Light, Restylane Perlane Lyft, Restylane Classic และ Restylane Defyne เป็นต้น

ฟิลเลอร์ Restylane แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร

เราสามารถแบ่งความแตกต่างของ Restylane ตามการใช้งานได้ถึง 8 รุ่น ซึ่งทั้งหมดได้ผ่านการตรวจสอบและรองรับตามมาตรฐานของ อย. ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความเข้าใจในการเลือกใช้งาน เราจะแบ่ง Restylane ตาม 2 เทคโนโลยีที่ใช้งาน ดังต่อไปนี้

1. ฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยเทคโนโลยี NASHA

  • Restylane Vital Light มีส่วนผสมของยาชา อนุภาคเล็ก เบา แก้ปัญหาในจุดเล็กๆ เติมเต็มใต้ตา ฟื้นฟูใบหน้าให้กระจ่างใส ลดใต้ตาคล้ำ เหมาะกับการฉีดเก็บรายละเอียด อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน
  • Restylane Vital มีลักษณะนิ่ม เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก แก้ไขปัญหาริ้วรอย เติมเต็มหน้าผาก และเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
  • Restylane Lyft เป็นฟิลเลอร์ที่แข็งแรงที่สุด มีแรงยกกระชับสูง เหมาะกับการเติมเต็มแก้ม ขมับ คาง รวมถึงการปรับรูปหน้า อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane classic เป็นเจลอนุภาคใหญ่ มีลักษณะแข็ง เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม ริมฝีปาก ใต้ตา อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน

2. ฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยเทคโนโลยี OBT

  • Restylane Kysse มีลักษณะนิ่ม ปรับกับบริเวณริมฝีปากได้เป็นอย่างดี เป็นรุ่นที่พัฒนามาเพื่อการฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ ซึ่งจะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Refyne เนื้อเจลจะเล็ก มีความยืดหยุ่นสูง และมีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาด้านริ้วรอย ร่องแก้ม โดยจะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
  • Restylane Defyne อีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่ขึ้นรูปแต่ไม่แข็ง มีลักษณะอ่อนนุ่มเหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบาง ช่วยเติมเต็มแก้มและใบหน้าให้ดูสวยแบบธรรมชาติ อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Volyme ฟิลเลอร์ยกกระชับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อเจลที่ค่อนข้างแข็ง ฟูสวย แต่ไม่บวม สามารถอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน

ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane ต้องใช้กี่ cc

โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา restylane สามารถใช้เพียง 2-4 CC ก็เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ทั้งนี้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะมีการประเมินเพิ่มเติมในกรณีของอายุและสภาพผิวนั่นเอง

ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane ราคาเท่าไร

ฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทการใช้งานและยี่ห้อ อีกทั้งราคาในแต่ละคลินิกก็แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ประจำคลินิก โดยราคาที่เราสรุปไว้ตามประเภทของฟิลเลอร์ใต้ตา restylane มีดังนี้

  • Restylane Vital Light มีราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 9,000-13,000 บาท
  • Restylane Perlane Lyft มีราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 9,000-13,000 บาท
  • Restylane Classic มีราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 9,000-14,000 บาท
  • Restylane Defyne มีราคาเริ่มต้นที่ซีซีละ 9,000-14,000 บาท

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane แล้วข้อสำคัญที่คุณจะต้องปฏิบัติในช่วง 2-3 คืนแรกก็คือ การนอนให้ศรีษะสูงกว่าหน้าอก โดยห้ามนอนคว่ำหรือตะแคงเพื่อลดการกดทับของบริเวณใบหน้า หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เตาหรือที่ๆ มีความร้อนสูงมาก และควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ดื่มน้ำปริมาณมากๆ และงดดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด

สรุปการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane

Restylane ถือเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่แพทย์จากทั่วโลกให้การยอมรับเป็นจำนวนมาก ด้วยคุณสมบัติที่มีความปลอดภัยใกล้เคียงกับ ไฮยารูลอนิกแอซิด ที่อยู่ในร่างกายของเรา สามารถนำมาฉีดเติมเต็มได้หลายบริเวณไม่ว่าจะเป็นใต้ตา ร่องแก้ม และริ้วรอยอื่นๆ รวมถึงยังช่วยปรับโครงหน้าให้ดูกระชับและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็นับเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรปรึกษาการใช้ ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงกับความต้องการมากที่สุด
ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
dr ben malika clinic 02

ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane ต้องใช้รุ่นไหน ใช้กี่ cc ราคาเท่าไร ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างไร Read More »

lump filler

ปัญหา ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

ปัญหา ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

ปัญหากวนใจของผู้หญิงอีกหนึ่งอย่างที่จะมองข้ามไปไม่ได้ นั่นคือ ปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาบวม ขอบตาดำ ตาลึก ตาโหล ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ แก่เกินวัย ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า ไม่สดใส ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหา แต่ทว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็สามารถเกิดภาวะฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือเป็นไต ๆ ได้ ในบทความนี้เรามาเรียนรู้กันดีกว่าว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร? แก้ปัญหาเรื่องไหน? หากฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? จะแก้ไขอย่างไร? พร้อมแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา ฉีดที่ไหนดี? ติดตามได้ในบทความนี้เลย!​
สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์เป็นก้อน
    Add a header to begin generating the table of contents

    ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือสาร “HA” เข้าไปในผิวหนัง บริเวณรอบดวงตาที่มีปัญหา เพื่อเติมเต็มและแก้ปัญหาถุงใต้ตา หรือริ้วรอยรอบดวงตาที่เกิดขึ้นจากการที่กระดูกใต้ตายุบตัวลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ใบหน้ากลับมาสดใส แลดูอ่อนเยาว์อีกครั้งโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรมและให้ผลลัพธ์ชัดเจนได้แบบทันที

    ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้สารสังเคราะห์ประเภทโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับสารในร่างกายของมนุษย์ในการเติมเต็มบริเวณกระดูกเบ้าตาที่มีการยุบตัวลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น พันธุกรรม เป็นภูมิแพ้ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ดวงตาอย่างไม่เหมาะสม เพื่อลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาดำคล้ำ รวมทั้งการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกใต้ตาเพื่อให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

    ทำไมถึงฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน?

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

    1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณที่มากจนเกินไป เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับตัวจึงดันให้ฟิลเลอร์ก่อตัวขึ้นเป็นก้อน เมื่อเป็นก้อนบ่อยครั้งขึ้นก็มีการเคลื่อนตัวมาในบริเวณที่เห็นชัดเจนได้มากขึ้น
    2. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดตำแหน่ง ตื้นเกินไป เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับตัวจึงทำให้เห็นเป็นก้อนชัดเจน
    3. ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
    4. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะบริเวณที่เกิดปัญหา เนื้อของฟิลเลอร์แต่ละประเภทจะมีโมเลกุล การจับตัวเป็นก้อน มีการคงตัว ความยืดหยุ่นและมีอัตราการอุ้มน้ำที่แตกต่างกัน จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์ที่ฉีดไปดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูบวม ๆ และเป็นก้อน ๆ ได้
    5. ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คนไข้บางรายผิวบางอาจทำให้เกิดเงา หรืออาการบวมที่จะค่อย ๆ หายไปเองได้

    เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน จะแก้ได้อย่างไร?

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน ทำยังไงดี?

    1. เมื่อแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ถูกต้องตามตำแหน่ง มีการเลือกประเภทของฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะต้องมีความแข็งแรงมากพอที่จะคงฟิลเลอร์ใต้ตาเอาไว้ตามตำแหน่ง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวและก่อตัวเป็นก้อน
    2. หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน จะต้องทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา โดยใช้ Hyaluronidase ทำการละลายเอาฟิลเลอร์ส่วนเกินออก
    3. หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแต่ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ซึ่งในกรณีนี้ อาจเกิดขึ้นเนื่องจากมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอม สารเติมเต็มปลอม ซิลิโคน หรือไขมันเทียมฉีดแทนฟิลเลอร์แท้ให้ จะต้องใช้การเจาะระบาย หรือการผ่าตัดแผลเล็ก ๆ เพื่อนำสารเหล่านั้นออกมา แผลจึงจะยุบลงเป็นปกติ

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ มักนิยมใช้ยี่ห้อ Restylane, Juvederm และ Belotero เนื่องจากมีความคงรูปสูง แต่ไม่อุ้มน้ำมากจนเกินไป จึงทำให้ไม่เกิดอาการบวม หรือเป็นก้อนได้ง่าย แต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีที่ใช้ต่างกัน เช่น

    • Restylane ใช้เทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะอย่าง NASHA และ OBT Technology ทำให้โมเลกุลมีความละเอียด เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลายและอุ้มน้ำได้พอดี เช่น รุ่น Classic, Defyne, Vital, Vital Light, Perlane Lyft
    • Juvederm มีเทคโนโลยี Crosslink อย่าง Vycross และ Hylacross ซึ่งสลายตัวได้ช้า ให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็ก เชื่อมต่อกันและคงตัวได้ดี ช่วยยกกระชับผิวและดูเป็นธรรมชาติ เช่น รุ่น Voluma, Volite, Volux

      Belotero ใช้เทคโนโลยี CPM Technology ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถก่อตัวได้ดีแต่ไม่จับตัวเป็นก้อน เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตาและเติมเต็มได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น รุ่น Volume, Soft 

    เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขอแนะนำให้ฉีดในคลินิก หรือสถานบริการที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากจะต้องอาศัยเทคนิคในการฉีด ความแม่นยำในตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณและประเภทของยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาและความปลอดภัย รวมทั้งการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ได้รับการรับรองและไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยคุณสามารถตรวจสอบได้จากรีวิวเคสการรักษา ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ค้นพบกับคลินิกที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้คุณได้อย่างตรงใจและมีความปลอดภัยมากที่สุด

    สรุปการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ดำคล้ำ หรือช่วยเติมเต็มบริเวณรอบดวงตาให้กลับมาดูสดใสและดูอ่อนเยาว์ได้แบบทันใจ โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรมแต่อย่างใด โดยจะใช้จำนวนกี่ซีซีนั้น ต้องมีการปรึกษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะทาง เนื่องจากจะต้องมีการคำนึงถึงความปลอดภัย รวมทั้งเทคนิคต่าง ๆ ในการฉีดเพื่อป้องกันปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ๆ หรือดูไม่เป็นธรรมชาติได้ ใครที่อยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินแผนการรักษาตามปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคลได้เลยที่นี่!
    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
    dr ben malika clinic 02

    ปัญหา ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร? Read More »

    Meso_Rejuran1

    รู้จักกับ Rejuran Healer คือ Rejuran ราคา เท่าไร พร้อมดูรีวิว

    รู้จักกับ Rejuran Healer คือ Rejuran ราคา เท่าไร พร้อมดูรีวิว

    ปัจจุบันนี้หนุ่มสาวมากมายหันมาใส่ใจกับสุขภาพผิวกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการมีผิวหน้าที่ดูสุขภาพดี ผิวเรียบเนียน และดูฉ่ำน้ำตลอดเวลา นวัตกรรมทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นไปมากจึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมคนสมัยนี้จึงดูมีผิวหน้าที่กระจ่างใสและดูสุขภาพดี Rejuran จัดเป็นสารกลุ่มเมโสตัวที่ดูแลให้ผิวหน้าดูขาวใสขึ้นนั่นเอง
    สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ขมับ
      Add a header to begin generating the table of contents

      Rejuran คืออะไร?

      Rejuran หรือ Rejuran healer คือสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ (Skin Rejuvenation Booster) ซึ่งเป็นการสกัดเอาสารในกลุ่ม Polynucleotide มาจากแซลมอนธรรมชาติ (Wild Salmon) ซึ่งสารกลุ่ม Polynucleotide นี้คือโครงสร้างหน่วยย่อยของ DNA ซึ่ง DNA ของแซลมอนและมนุษย์มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการสกัดเอาสารกลุ่มนี้มาใช้ทำให้การใช้ Rejuran สามารถกลืนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย พร้อมซึมเข้าไปซ่อมแซมชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

      Rejuran มีกระบวนการทำงานอย่างไร

      อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า Rejuran เป็นสารกลุ่ม Polynucleotide ที่มีโครงสร้างคล้าย DNA เมื่อฉีด Rejuran เข้าสู่บริเวณใบหน้าของเราแล้วจะช่วยให้เซลล์ผิวเกิดการถูกกระตุ้นใหม่อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากมีการหลั่งโกร์ท แฟคเตอร์ ซึ่งมีผลต่อการทำงานของไฟโบบลาสต์ นอกจากนี้ Rejuran ยังควบคุมการหลั่งสารไซโตไคม์ที่มีผลต่อกระบวนการต้านการอักเสบ อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอย เนื่องจากการหลั่งสารในกลุ่ม VEGF ที่ช่วยให้ขับของเสียจากผิวหนังได้ดีขึ้นนั่นเอง

      Rejuran ช่วยแก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง

      ข้อดีของการฉีด Rejuran นั้นมีค่อนข้างมากโดยเน้นไปที่การฟื้นฟูสุขภาพผิวหน้า ซึ่งการฉีดสารเมโสตัวนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการให้ใบหน้ามีความกระจ่างใส กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยบนใบหน้า และที่สำคัญคือผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างเร่งด่วนนั่นเอง โดยเราได้รวบรวมข้อดีของ Rejuran มาไว้แล้วดังนี้:

      • ปรับสภาพสีผิว : สิ่งแรกที่เห็นได้ค่อนข้างชัดก็คือความกระจ่างใสของสีผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยลดรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิว ตลอดจนเพิ่มความฉ่ำน้ำให้กับผิวอีกด้วย
      • ฟื้นฟูเซลล์ผิว : เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลยก็ว่าได้ คุณประโยชน์ของสาร Polynucleotide จากแซลมอนสามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดการสร้างตัวขึ้นมาใหม่ ลดเรือนริ้วรอย และรูขุมขน
      • เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว : เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว โดยส่งผลให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลดีต่อริ้วรอยนั่นเอง

      Rejuran ราคา เท่าไร

      Rejuran Healer จะนิยมฉีดกันประมาณคนละ 2-4 ml ซึ่ง Rejuran ราคาต่อหลอดจะเริ่มต้นที่ 9,000 บาท ซึ่งหนึ่งหลอดจะบรรจุที่ 2 ml นั่นเองค่ะ

      Rejuran ต้องฉีดกี่ครั้งจึงเห็นผล

      ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะแนะนำให้มีการฉีดทั้งหมดอยู่ที่ปีละ 3-4 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 2-3 สัปดาห์ออกไปดังนี้

      • ฉีดครั้งที่ 1 : ในการฉีดครั้งแรกภายในระยะเวลา 3-5 วันจะเริ่มสังเกตและรู้สึกว่าผิวนุ่มและเรียบเนียน
      • ฉีดครั้งที่ 2 : หลังฉีดแล้วจะเริ่มรู้สึกว่ารูขุมขนกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดลง
      • ฉีดครั้งที่ 3 : ผิวเริ่มแข็งแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากฉีด
      • ฉีดครั้งที่ 4 : ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง ผิวแข็งแรง

      rejuran สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

      ผู้ที่เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาผิวแห้งกร้าน หย่อนคล้อย รู้สึกถึงความไม่สม่ำเสมอ และใบหน้าดูไม่สดชื่น! การฉีด Rejuran จึงเป็นวิธีการรักษาซึ่งมุ่งเน้นไปยังบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู เติมเต็ม หรือลดริ้วรอยให้จางลง บริเวณผิวหน้าและผิวช่วงลำคอจึงเป็นพื้นที่ยอดนิยมที่มักทำการฉีด Rejuran เป็นประจำ

      • ผิวหน้า: สามารถฉีดกระจายได้ทั่วทั้งใบหน้า หรือฉีดตามจุดที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เช่น หน้าผาก, หางตา, ใต้ตา, ร่องแก้ม หรือช่วงคางที่มีริ้วรอย
      • ผิวลำคอ: ผู้ที่มีอายุราวๆ 30-40 มักประสบปัญหาผิวช่วงลำคอหย่อนคล้อย รีจูรัน จึงนิยมใช้เพื่อการเติมเต็มคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยให้บริเวณนี้มีความอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น

      เปรียบเทียบการรักษาหลุมสิวด้วยอย่างอื่น

      อย่างที่เข้าใจกันดี Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่นอกจากจะเพิ่มคอลลาเจนให้กับชั้นผิวแล้ว ยังสามารถกระชับรูขุมขนที่เกิดจากปัญหาหลุมสิวได้อีกด้วย ภายใต้การดูแลของ Rejuran S หลุมสิว ที่ปัจจุบันได้รับการรองรับจาก อย. ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

      โดยการรักษาหลุมสิวในปัจจุบัน อาจเป็นไปได้ทั้งรูปแบบของการเลเซอร์ (Laser), การใช้กรดเพื่อลอกผิว, การใช้ยาอนุพันธ์วิตามินเอ (กรดวิตามินเอ) และวิธีการผาตัด

      เพราะหลุมสิว (Atrophic Scars) คือ ริ้วรอยที่เกิดจากการอักเสบของสิว เช่น สิวอักเสบ, สิวหนอง หรือสิวหัวช้าง ที่รอยแผลไม่สามารถสมานกันได้อย่างเต็มที่ จากผังผืดที่รั้งบริเวณผิวชั้นนอกจนยุบลงไป ซึ่งการใช้ Rejuran จะช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ คอลลาเลนที่เพิ่มขึ้นจะจัดเรียงตัวใหม่ อีกทั้งยังได้รับการฟื้นฟูของเซลล์ผิวที่จะเห็นผลได้ชัดในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน

      วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด rejuran

      ภายหลังจากการฉีด คุณอาจพบตุ่มนูนขึ้นบริเวณโดยรอบจุดที่ทำการฉีด ซึ่งมักจะใช้เวลา 3-24 ชั่วโมงก่อนที่ตุ่มดังกล่าวจะเริ่มจางไป โดยผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องนอนพักหรือรับยาใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้นำเสนอวิธีการดูแลตัวเองภายหลังจากการฉีด ดังนี้

      • ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน เพื่อดื่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
      • พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงลดการสูบบุรี่ อันเป็นสาเหตุของการเสียความชุ่มชื้นและส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ
      • ในบางราย อาจพอรอยแดงรอยช้ำที่เกิดจากการใช้เข็มในบริเวณที่ฉีด เบื้องต้นสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการช้ำได้
      • หากพบอาการปวดบวมในบริเวณที่ฉีด สามารถทานยาแก้ปวดตามอาการได้
      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
      dr ben malika clinic 02

      ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

      รู้จักกับ Rejuran Healer คือ Rejuran ราคา เท่าไร พร้อมดูรีวิว Read More »

      filler temples 01

      ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปรับรูปหน้า สวย เฉี่ยว แบบไม่ต้องผ่าตัด

      ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปรับรูปหน้า สวย เฉี่ยว แบบไม่ต้องผ่าตัด!

      สำหรับคนที่มีปัญหาขมับยุบ ขมับตอบ อาจรู้สึกหนักใจเพราะใบหน้าไม่สมส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีโหนกแก้มเด่นชัดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดูมีอายุมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันสามารถทำการแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้าให้สวย เฉี่ยว อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มขมับส่วนที่ยุบไปให้มีความสมส่วน และปรับโหงวเฮ้งเสริมบุคลิกภาพได้ด้วย ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกกับเรื่องของฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร? แก้ปัญหาเรื่องไหน? ฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี? รวมทั้งข้อดี ข้อเสีย รีวิวและวิธีการดูแลตัวเองหลังจากเข้ารับการรักษา ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่!
      สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ขมับ
        Add a header to begin generating the table of contents

        ฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับ คือ การใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด หรือ HA เข้าไปบริเวณขมับ เพื่อฟื้นฟูผิวบริเวณขมับให้ดูเต็ม อิ่ม ฟูมากขึ้น ส่งผลให้โหนกแก้มที่เด่นชัดมีความสมดุลกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น ช่วยปรับลุคให้หน้าดูหวาน ละมุน ปรับโหงวเฮ้ง และเสริมความมั่นใจได้ด้วย นอกจากนี้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปในใบหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสตินใต้ผิวหนัง ให้ผิวดูเต่งตึง มีน้ำมีนวล อ่อนเยาว์ แลดูสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน
        filler temples 01

        ฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาเรื่องใด? เหมาะกับใครบ้าง?

        การที่ขมับตอบ ขมับบุ๋ม หรือขมับยุบ อาจมีสาเหตุมาจากโครงสร้างของกระดูกศีรษะ อาจเกิดการฝ่อตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมันบริเวณนั้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับจึงช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้รูปหน้ามีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เชื่อเรื่องการมีโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดี หน้าผากกว้าง ขมับเต็มจะร่ำรวย เป็นเศรษฐี นอกจากนี้ก็ยังเหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มสูง ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วน พอดีกับหน้า หรือคนมีอายุ ช่วยขับให้หน้าดูอ่อนเยาว์ มีน้ำมีนวล เต่งตึง และยกกระชับ

        ฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี?

        ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดขมับ ยี่ห้อไหนดีที่สุด? ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของเนื้อฟิลเลอร์ และปริมาณ CC ที่ต้องการฉีดจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ คุณอาจต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับคุณได้

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm รุ่น Voluma และรุ่น Volift
          ฟิลเลอร์สัญชาติ USA ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross มีลักษณะเป็นเจลเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง โมเลกุลใหญ่ และหนาแน่นสูง ง่ายต่อการปั้นขึ้นรูป ให้ผลลัพธ์ในเรื่องของความนวลเนียน ดูธรรมชาติ ทั้ง 2 รุ่น เหมาะกับการฉีดเติมขมับ และอยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane รุ่น Lyft, รุ่น Defyne และรุ่น Volyme
          ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนที่ใช้เทคโนโลยี NASHA และเทคโนโลยี OBT ทั้ง 3 รุ่นมีลักษณะเป็นเจลเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง โมเลกุลใหญ่ มีความคงตัวสูง และคงรูปได้ดี ช่วยเติมเต็มผิวบริเวณใบหน้าให้อิ่มฟู ยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณขมับที่เป็นแอ่งเว้า ไม่สวยงาม โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 12 – 18 เดือน

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis รุ่น Deep
          ฟิลเลอร์น้องใหม่จากประเทศเกาหลีที่ใช้เทคโนโลยี SHAPE ในการสร้าง Cross-linking เพิ่มมิติของเส้นใยบนใบหน้า ทำให้มีความยืดหยุ่น และสามารถเติมเต็มผิวบริเวณขมับให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 – 12 เดือน แต่ก็มีราคาย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่น ๆ

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ E.P.T.Q รุ่น S500
          ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีอีกยี่ห้อที่ได้รับความนิยม มักใช้แก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าที่เห็นผลได้ชัดเจนทันที เป็นเนื้อเจลที่มีความหนืดสูง ยืดหยุ่นได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นาน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยทั้ง 3 รุ่นจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์ EPTQ ในการเติมเต็ม ฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาหนักมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณขมับ ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 12 – 24 เดือน

        ฟิลเลอร์ขมับควรฉีดกี่ cc?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้กี่ CC ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากความลึกของขมับ สภาพผิวของคนไข้ และยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยปกติแล้วจะใช้ประมาณข้างละ 1 – 2 ซีซีเท่านั้น

        ข้อดี ข้อเสีย ของฟิลเลอร์ขมับ

        • ข้อดี: การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วน ช่วยเติมเต็มส่วนที่เว้าแหว่งให้ดูเต็ม ปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น ผิวพรรณก็ดีขึ้น และช่วยเสริมความมั่นใจได้เป็นอย่างดี การฉีดฟิลเลอร์ขมับสามารถทำได้ทันที รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจนหลังจากเข้ารับการรักษา โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม หรือพักฟื้นแต่อย่างใด
        • ข้อเสีย: บริเวณขมับเป็นจุดที่อันตรายเพราะมีเส้นเลือด และเส้นประสาทอยู่จำนวนมาก หากรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์เสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการแพ้จากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม รอยช้ำ บวม แดง อาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นก้อนนูนได้ เป็นต้น

        ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ซึ่งฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายตัวตามธรรมชาติ และสามารถเข้าไปเติมฟิลเลอร์ขมับได้ตามคำแนะนำของแพทย์

        ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

        • หลังการฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมงแรก งดการนอนราบ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
        • หลังการฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมง งดการแต่งหน้า การใช้ครีมบำรุงใบหน้า การถู นวด แคะ แกะ เกา การสัมผัสความร้อน หรือการเลเซอร์ และห้ามออกกำลังกายโดยเด็ดขาด
        • พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำเยอะ ๆ งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
        • หากมีอาการผิดปกติให้รีบทำการปรึกษา หรือไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
        • หากต้องการประคบเย็น หรือรับประทานยา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด

        สรุปฟิลเลอร์ขมับ

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ช่วยเติมเต็มส่วนของใบหน้าให้ดูดี สมส่วน และเป็นรูปสวยงามตามความต้องการได้ โดยต้องอาศัยทักษะ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ชำนาญการ ในการรักษาด้วยหัตถการนี้ เนื่องจากบริเวณขมับเป็นบริเวณที่บอบบาง มีเส้นเลือด และเส้นประสาทอยู่จำนวนมาก หากรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจสาเหตุของความเสี่ยงต่ออันตราย หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนั้น การเลือกสถานบริการที่มีมาตรฐานก็มีส่วนสำคัญ เพราะจะต้องมีการนำเข้าฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ และมีมาตรฐาน หากมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และเสียเงินโดยใช่เหตุได้
        ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
        dr ben malika clinic 02

        ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

        ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปรับรูปหน้า สวย เฉี่ยว แบบไม่ต้องผ่าตัด Read More »

        eptq filler 02

        รู้จักกับ E.P.T.Q Filler น้องใหม่จากเกาหลี E.P.T.Q Filler ดีไหม พร้อมรีวิว

        รู้จักกับ E.P.T.Q Filler น้องใหม่จากเกาหลี E.P.T.Q Filler ดีไหม พร้อมรีวิว

        การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มผิว ประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือสาร “HA” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ประเภทโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับสารธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ เพื่อช่วยในการเติมเต็มผิวและแก้ไขปัญหาผิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือต้องการเติมเต็มแก้ไขจุดบกพร่องของใบหน้า ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะมีความปลอดภัยสูง สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องทำศัลยกรรม ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นและเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว ในบทความนี้ เราได้รวบรวมข้อมูลเบื้องลึกของฟิลเลอร์น้องใหม่อย่าง E.P.T.Q Filler คืออะไร? ดีไหม? มีรุ่นไหนบ้าง? ราคาเท่าไหร่? แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร? ถ้าอยากรู้จักแล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

        สารบัญบทความเรื่อง E.P.T.Q
          Add a header to begin generating the table of contents

          E.P.T.Q Filler คือ อะไร? อักษรแต่ละตัว ย่อมาจากอะไร?

          E.P.T.Q Filler คือ ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ประเภทกรดไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) แบบฉีดชนิดชั่วคราว พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Jetema จากประเทศเกาหลี ในปี 2020 ใช้สำหรับการลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น แก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติและเห็นผลได้ชัดเจนในทันที โดยได้รับการรับรองเป็นชีววัสดุทางการแพทย์ และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาในประเทศเกาหลี และประเทศไทย

          E.P.T.Q Filler มาจากคำว่า ‘Exquisite’ และ ‘Technique’ รวมเข้าไว้ด้วยกัน นั่นหมายถึง เทคนิคที่พัฒนาออกมาอย่างประณีต ซึ่งประกอบไปด้วย

          E: Efficiency ปริมาณความเข้มข้นของสาร HA ทุกรุ่น เท่ากับ 24 มิลลิกรัม/ มิลลิลิตรที่มีโครงสร้างของโมเลกุลเป็นแบบ HIVE หรือรวงผึ้ง ทำให้ฟิลเลอร์มีความหนาแน่นสูงและยืดหยุ่นได้ดี

          P: Potential ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ ZEEP technology คือ Zero Endotoxin น้อยกว่า 0.1 EU/มิลลิลิตร และ BDDE Entire Process ไม่พบสารตกค้าง BDDE ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง จึงมีความปลอดภัยสูง

          T: Technology ใช้เทคโนโลยีการผลิต Downing process ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็ก ร่วมกับเทคโนโลยีแบบ 2CM จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของโมเลกุล HA ให้แน่น ยืดหยุ่นและอยู่ได้นาน

          Q: Quality ควบคุมคุณภาพการผลิตด้วย “The 9 Process” ตามมาตรฐาน EP (European Pharmacopoeia)

          eptq filler

          E.P.T.Q Filler มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร? ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

          E.P.T.Q Filler จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 7 รุ่น คือ S100, S300 และ S500 ทั้งแบบที่มีและไม่มียาชา (Lidocaine), eve X แต่ว่าที่ผ่าน อ.ย. ไทยทั้งหมดมี 3 รุ่น โดยแต่ละรุ่น คือ S100, S300 และ S500 (ทุกรุ่นมีส่วนผสมของยาชา) ซึ่งได้รับการพัฒนาสาร HA เป็นแบบ Cross-linked ที่มีความบริสุทธิ์สูง มีข้อแตกต่างและใช้ฉีดบริเวณต่าง ๆ ดังนี้

          1. S100
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด นิ่ม บางเบาแต่ยังคงมีความหนืดสูงและยืดหยุ่นได้ดี ง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ เช่น บริเวณหน้าผาก บริเวณขมับ เติมเต็มใต้ตา ลดรอยตีนกา ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบปากและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากได้

          2. S300
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป ยังคงมีความหนืดสูงแต่ก็ยืดหยุ่นได้ดี ความหนืดของเนื้อฟิลเลอร์จะช่วยคงโครงสร้างและทำให้อยู่ได้นาน เหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็มรูปหน้า แนวกรามและริมฝีปาก รวมทั้งการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกถึงปานกลาง เช่น ฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ แก้ไขปัญหาแก้มตอบ ลดเลือนริ้วรอยร่องจมูก ร่องแก้มและปาก เป็นต้น

          3. S500
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อหนา แน่น ความหนืดสูงและยืดหยุ่นได้ดี สามารถฟื้นฟูบริเวณผิวที่มีปัญหาหนักมาก ๆ และเพิ่มความแข็งแกร่ง เหมาะสำหรับการสร้างความเปลี่ยนแปลงของเค้าโครงใบหน้า เช่น แนวกระดูกกราม สันจมูก คาง โหนกแก้ม ลิฟกรอบหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกได้เป็นอย่างดี เช่น รอยย่นที่ลำคอ รอยย่นบนหน้าผาก ร่องใต้ตาลึก ริ้วรอยรอบดวงตาและริมฝีปาก เป็นต้น

             

          E.P.T.Q Filler ดีไหม? สู้ฟิลเลอร์เกาหลียี่ห้ออื่นได้หรือไม่?

          E.P.T.Q Filler ดีไหม? E.P.T.Q Filler ถึงแม้ว่าจะเป็นเจลที่มีความหนืดสูง แต่เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นได้ดี ซึ่งทำให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นานและให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเข้ากับผิวได้ดี ไม่เป็นไต ๆ หลังจากการฉีด นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ถ้าถามว่าสู้ฟิลเลอร์เกาหลียี่ห้ออื่นได้หรือไม่?​ ถือว่าดีกว่าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าฟิลเลอร์ E.P.T.Q ที่ผ่าน อ.ย. ของไทย ผสมยาชามาให้แล้ว ดังนั้นเวลาฉีดลงบนใบหน้า หรือบนผิวแล้วไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ดีข้อหนึ่ง

          E.P.T.Q Filler มีจุดเด่นที่ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร?

          E.P.T.Q Filler มีการควบคุมคุณภาพการผลิตด้วย “The 9 Process” นั่นคือ มีระบบการจัดการความปลอดภัยของวัตถุดิบในกระบวนการผลิต (Safe Raw Material) และควบคุมสภาพแวดล้อมในการผลิตให้ปลอดภัย โดยใช้สารตั้งต้น HA ที่มีความเข้มข้นและมีความบริสุทธิ์สูง รวมทั้งพัฒนาให้เนื้อเจลมีความเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน (Monophasic) และมีความหนืดสูง ซึ่งมีผลในการช่วยยกกระชับและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ดี โดยที่ไม่มีสารตกค้างที่ทำให้เกิดอาการแพ้ (BDDE) และ Endotoxin ที่ทำให้เกิดอาการบวมหลังจากการรักษาให้น้อยกว่า 0.1 EU/ มิลลิลิตร นอกจากนี้ยังช่วยลดความเจ็บปวดในการรักษาด้วยการสร้างค่า pH และแรงดันออสโมติกที่คล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์อีกด้วย ดังนั้นจุดโดดเด่นโดยรวม ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีทั้งความปลอดภัย มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ

          E.P.T.Q Filler ราคา เท่าไร?

          E.P.T.Q Filler ราคาขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละเคสแตกต่างกันไป โดยราคาเริ่มต้น CC ละ 8,000 – 13,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและสถานบริการที่เลือกใช้ หากต้องการทราบราคาที่แน่นอนควรพบแพทย์เพื่อทำการประเมินการรักษาตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

          E.P.T.Q Filler อยู่ได้นานแค่ไหน?

          E.P.T.Q Filler อยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้และการดูแลร่างกายของแต่ละบุคคล

          ดูรีวิว E.P.T.Q Filler

          ไปดูรีวิวของผู้ที่เข้ารับการรักษาจริง โดยใช้ E.P.T.Q Filler ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดไหน? ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

          วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

          1. งดการจับ นวด คลึง แคะ แกะ เกาในบริเวณที่ฉีด อาจเป็นสาเหตุทำให้ตัวยาเคลื่อนผิดตำแหน่งได้
          2. งดการแต่งหน้า ทาครีมบำรุง ทำเลเซอร์ หรือทรีทเม้นท์ หลังจากการรักษาประมาณ 1-2 วัน
          3. อาจมีอาการบวมแดงเกิดขึ้นแต่จะค่อยๆหายไปเองภายใน 1-2 วัน ถ้าหากมีอาการผิดปกติหลังจากการรักษา ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที
          4. หลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้บริเวณที่รักษาโดนความร้อนทุกประเภท
          5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่
          6. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่ม ฟูและดูเป็นธรรมชาติ

          สรุปฟิลเลอร์ E.P.T.Q Filler

          การฉีด E.P.T.Q Filler ถึงแม้ว่าจะมีความปลอดภัยสูงในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์เอง แต่ว่าการเข้ารับการรักษาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เทคนิคในการฉีดเข้าตามระดับความลึกของผิว หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น อาการบวม แดง อักเสบ หรือเจ็บปวดเกิดขึ้น เสียเงินและเสียเวลา แถมการรักษาก็ไม่มีประสิทธิภาพด้วย

          นอกจากนี้สถานบริการที่เลือกใช้ก็ควรมีมาตรฐาน ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งฟิลเลอร์ที่นำเข้ามาว่ามีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานที่ดีหรือไม่ หากราคาในการฉีดฟิลเลอร์ถูกจนเกินไป อาจเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่มีมาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อ หรือเกิดความสูญเสียด้านอื่นๆได้ ดังนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์ในสถานบริการที่มีมาตรฐานและอยู่ภายใต้การรักษาของแพทย์ที่มีประสบการณ์มีความสำคัญมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและทำให้การรักษาตอบโจทย์ของคุณมากยิ่งขึ้นด้วย

          ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
          dr ben malika clinic 02

          ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

          รู้จักกับ E.P.T.Q Filler น้องใหม่จากเกาหลี E.P.T.Q Filler ดีไหม พร้อมรีวิว Read More »