@DrBenBkkLogin

filler cheek malika clinic

ฟิลเลอร์ แก้มตอบ เพิ่มความอวบอิ่มให้ใบหน้า แก้ปัญหาแก้มตอบแบบไม่ต้องศัลยกรรม

ฟิลเลอร์ แก้มตอบ เพิ่มความอวบอิ่มให้ใบหน้า แก้ปัญหาแก้มตอบแบบไม่ต้องศัลยกรรม

ถึงแม้ว่ากระแสหน้าเรียวจะมาแรงมากในปัจจุบันแต่ถ้าหน้าเรียวแล้วก็ต้องดูสุขภาพดีด้วย ไม่ใช่ว่าหน้าเรียวแต่ก็แก้มตอบไปในเวลาเดียวกัน แก้มที่ตอบจนเกินไปจะทำให้โหนกแก้มเด่นชัด ผู้หญิงหลายๆคนเป็นกังวลเพราะมันจะทำให้หน้าดูดุๆ ดูแก่เกินวัยและไม่สวย ในปัจจุบันก็มีวิธีแก้ไขได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดไขมัน การผ่าตัดศัลยกรรม หรือการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ในบทความนี้เราจะมาดูปัญหาเรื่องแก้มตอบของผู้หญิง การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยได้จริงหรือไม่? มีประโยชน์อย่างไร? ต้องใช้กี่ cc? ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

สารบัญบทความ คำถามที่หลายๆคนสงสัยเรื่องฟิลเลอร์แก้มตอบ
    Add a header to begin generating the table of contents

    แก้มตอบ คือ อะไร ปัญหาที่ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย

    แก้มตอบ คือ โครงสร้างของใบหน้าบริเวณแก้มที่มีกระดูกมากกว่าเนื้อ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เนื้อแก้มหายไปนั่นเอง จริงๆแล้วแก้มตอบเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ พันธุกรรม อายุ การลดน้ำหนัก หรือภาวะน้ำหนักตัวน้อย (จนเกินไป) การจัดฟัน หรือการถอนฟัน รวมทั้งการฉีดโบท็อกกรามจากความผิดพลาดทางเทคนิคของแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ไม่ว่าแก้มตอบจะเกิดด้วยปัญหาใด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้หญิงหนักใจ เพราะปัญหาแก้มตอบจะทำให้แก้มเป็นแอ่งยุบ ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ดูโทรม ไม่สดใส ไม่สุขภาพดี โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูปจะเห็นได้อย่างชัดเจน

    ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบกับหมอเบญ
    filler cheek malika clinic

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ช่วยได้หรือไม่?

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ (Hollow cheek filler) เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเนื้อแก้มที่หายไป หรือปัญหาเนื้อแก้มยุบตัวไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยใดก็ตาม สามารถช่วยผู้ที่มีแก้มตอบให้มีแก้มเต็มอิ่มมากขึ้นด้วยการฉีดสาร Hyaluronic Acid (Hyaluronic acid หรือ HA) เพื่อเติมเต็มใบหน้าได้อย่างตรงจุด ให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวล ดูสุขภาพดีและดูเด็กกว่าวัยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ แก้ปัญหาอะไรบ้าง? ไม่ได้ช่วยแค่แก้มตอบอย่างเดียว

    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ สามารถแก้ปัญหาใบหน้าได้หลายจุด ไม่ได้ช่วยแค่แก้มตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ได้แก่

    1. แก้ปัญหาแก้มตอบ ปัญหาเนื้อแก้มหาย แก้มยุบเป็นอ่าง
    2. แก้ปัญหาเรื่องโหนกแก้มสูง หน้าดูเหลี่ยมๆ หน้าดูดุ
    3. ช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่างที่ตกห้อยจากแก้มที่ตอบ
    4. ช่วยปรับปรุงโหงวเฮ้งใบหน้าและเสริมโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น
    5. สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูลอนิคแอซิดจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวหนังดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล ดูมีเลือดฝาดจะดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นและดูเด็กกว่าวัย
    6. ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียน ช่วยกระชับรูขุมขนและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้ดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด
    ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
    Filler indian line malika

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ใช้กี่ CC

    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ โดยปกติแล้วจะใช้ข้างละประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินว่าควรจะใช้จำนวนเท่าไหร่และควรใช้ฟิลเลอร์ประเภทไหนเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ อยู่ได้นานไหม

    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่ดีและมีคุณภาพจะสามารถสลายตัวได้เองและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นหากรู้สึกว่าฟิลเลอร์แก้มตอบเริ่มสลายตัว สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ดูแลเพื่อทำการเติมฟิลเลอร์ได้ตามที่ต้องการ

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ยี่ห้อไหนดี และควรใช้รุ่นไหน

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่สามารถอยู่ได้นาน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจะต้องมีความเหมาะสมกับลักษณะสภาพผิวด้วย (ผู้ที่มีแก้มตอบมักจะมีผิวที่ค่อนข้างบางและมีชั้นไขมันในผิวน้อยมาก) ส่วนมากแพทย์จะนิยมใช้ Restylane Volyme และ Juvederm Voluma หรือรุ่น Volift เนื่องจากมีคุณสมบัติในการกระจายตัวได้ดี เติมเต็มได้สมบูรณ์แบบและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ราคา เท่าไร ที่ไหนดี

    การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่เลือกใช้และสถานบริการ โดยราคาจะอยู่ที่ CC ละประมาณ 12,000-14,000 บาท อาจจะถูกกว่านี้ถ้าคลินิกจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่วงเวลานั้นๆ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ฉีดที่ไหนดี?​ในฐานะที่เป็นผู้บริโภค การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือในคุณภาพการให้บริการนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะการมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลเคสแต่ละเคสได้อย่างชำนาญ นอกจากนี้การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและมีระดับราคาที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย

     อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเคสเพื่อประเมินยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ จำนวนที่ใช้ ราคาจากปัญหาและสภาพของผิวหน้าแต่ละคน ร่วมกับการปรึกษาทางคลินิกว่ามีโปรโมชั่นดีๆที่คุ้มค่าจะช่วยให้การรักษาของคุณแฮปปี้มากยิ่งขึ้นได้

    วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ

    1. หลังฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ตรงบริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวม แดง ช้ำแต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองและดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
    2. หลีกเลี่ยงการสัมผัส การแกะ การเกา การกดนวด การขัดผิวในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ
    3. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสัมผัสใบหน้าทุกชนิด เช่น การอบซาวน่า การล้างหน้าด้วยน้ำร้อน การเลเซอร์  รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงและการขยับใบหน้าเยอะๆ อาจมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ได้
    4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
    5. ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนที่สุด
    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
    dr ben malika clinic 02

    สอบถามเพิ่มเติมหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้มส้ม สามารถแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic หรือเบอร์ 095-450-9355 และสามารถเข้ามาที่คลินิกที่ Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญยินดีประเมินเบื้องต้น, ให้คำปรึกษาค่ะ และตอบแชตเองค่ะ

    Filler lips malika

    ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ใช้กี่ CC ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร รวมทุกเรื่องของฟิลเลอร์ปาก

    ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ใช้กี่ CC ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร รวมทุกเรื่องของฟิลเลอร์ปาก

    ใครๆก็รู้จักแฟชั่นสาวสายฝอที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศัลยกรรมหน้าตา เทรนการแต่งตัว เทรนแต่งหน้าและเทรนการเสริมความงาม ซึ่งการเสริมความงามที่ช่วยให้คุณมีลุคแบบสายฝอได้ นั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ด้วยความอวบอิ่มและความเป็นทรงสวยได้รูปทำให้ใบหน้าของคุณมีความโดดเด่นและดูเด็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณแต่งหน้าตามเทรนด้วยแล้ว รับรองว่า คุณเองก็เป็นสายฝอได้ง่ายๆ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้ใบหน้าได้อีกด้วย ในบทความนี้เราเลยจะมาดูกันว่าฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี? ฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอต้องใช้กี่ cc? ฟิลเลอร์ปากราคาประมาณเท่าไหร่? เรารวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากไว้ที่นี่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

    สารบัญบทความ คำถามที่หลายๆคนสงสัยเรื่องฟิลเลอร์ปาก
      Add a header to begin generating the table of contents

      ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม อันตรายไหม

      สาวๆหลายๆคนอยากจะฉีดฟิลเลอร์แต่ก็กลัวเจ็บ กลัวว่าจะเป็นอันตราย ขอบอกตรงนี้เลยว่า การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะที่เข็มทิ่มเข้าไป ส่วนอันตรายไหม? ก็ขอตอบว่า การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย  หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ก็ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ได้ตรงตามความต้องการและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด เป็นฟิลเลอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับโปรตีนในร่างกาย ประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือกรด HA ซึ่งสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ รวมทั้งผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยอีกด้วย

      ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
      Filler lips malika

      ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง

      หลายๆคนมีปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ขนาดริมฝีปากบนและล่างไม่ได้สัดส่วน หรือบิดเบี้ยว รวมไปจนถึงการมีริมฝีปากทรงคว่ำและริมฝีปากดูไม่สวยงาม เช่น ริมฝีปากแห้งแตก ลอกเป็นขุย เป็นร่อง หรือมีขอบปากไม่ชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหาด้วยเทคนิคการเติมเต็ม การแต่งทรง การยกมุมปาก การฉีดขอบปากและการบำรุงฝีปากได้อย่างครบวงจร เหมาะสำหรับทุกคนที่ไม่อยากมองข้ามริมฝีปากที่สวยงามไป

      ไม่ใช่ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากควรเลือกยี่ห้อไหน?

      อย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีความแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติ  ความขึ้นรูป คุณภาพและราคา ไม่ใช่ว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนก็ฉีดปากได้ทั้งนั้น แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี?

      ฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเพราะให้ผลยาวนาน 6-24 เดือน โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายและไม่เป็นอันตราย ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi–Permanent Filler) และฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) ที่เรารู้จักกันดีคือ พวกซิลิโคนและพาราฟิน ถึงแม้ว่าจะให้ผลยาวนานแต่ก็ยังไม่ผ่านการอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย 

      ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งต้องสามารถสลายตัวได้เอง โดยที่ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆ อย่างเช่นฟิลเลอร์แบบชั่วคราวและสามารถมาเติมได้หากต้องการตามคำแนะนำของแพทย์

      ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
      Filler lips malika

      เปรียบเทียบฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี

      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm
      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่นิยมมากที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด พูดถึงความปลอดภัย 100% แน่นอนเพราะได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี Vycross และ Hylacross ช่วยเติมเต็ม ยกกระชับและอุ้มน้ำได้ดี เนื้อเรียบเนียนละเอียดจึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่นมาก มี 3 รุ่นด้วยกัน
      Juvederm all box model

      1. Juvederm Volift รุ่นนี้ถูกผลิตมาให้มีเนื้อนิ่ม ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานถึง 12-18 เดือน ช่วยให้ปากกระชับได้รูป มีกระจับปากและขอบปากคมชัด แถมยังมีความเป็นธรรมชาติมากๆด้วย
      2. Juvederm Voluma รุ่นนี้มีเนื้อแข็งแต่มีความฟูปานกลาง  ช่วยให้ปากดูอวบอิ่มและให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานถึง 18 เดือน
      3. Juvederm Ultra Plus รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ปากดูอวบอิ่ม เติมเต็มได้ดี เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอและอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนเลยทีเดียว

      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Restylane
      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนที่ได้รับความนิยมเช่นกัน จุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี NASHA และ OBT ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้หลากหลายและคงตัวอยู่ได้นาน 6-18 เดือน แบ่งได้เป็น

      restylane-all-box-product

      1. Restylane Vital Light รุ่นนี้จะมีน้ำหนักเบา โมเลกุลเล็ก เหมาะสำหรับการแก้ไขริมฝีปากแห้ง ลอก แตกเป็นขุย หรือร่องลึกให้มีความชุ่มชื่น อวบอิ่มและอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
      2. Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง ขึ้นรูปปาก และขึ้นทรงได้ดี โดยที่ยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่เป็นก้อนอยู๋ อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
      3. Restylane Classic รุ่นนี้จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีลักษณะเป็นเนื้อเจลแข็งปานกลาง นิยมใช้ในการเติมเต็มร่องลึก เช่นร่องปากให้มีความอวบอิ่ม เต็มฟูมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน

      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Neuramis
      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่กำลังมาแรง สามารถขึ้นรูปปากได้ดี โดยให้ผลยาวนานประมาณ 6-8 เดือนแต่มีราคาถูกกว่าเท่าตัว (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์นิวรามิส)
      Neuramis boxes 02

      ฟิลเลอร์ปากสายฝอ เทรนด์ใหม่ล่าสุด ฉีดกี่ CC

      เทรนปากอวบอิ่มแบบสายฝอ จะเน้นไปที่รูปทรง Full lips และ Round lips เน้นความอวบอิ่มของปากให้ดูเซ็กซี่และน่าจูบ ซึ่งจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 CC หรือแล้วแต่สภาพปากของแต่ละบุคคล

      ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฉีดกี่ CC

      เทรนปากอวบอิ่มแบบสายฝอ จะเน้นไปที่รูปทรง Full lips และ Round lips เน้นความอวบอิ่มของปากให้ดูเซ็กซี่และน่าจูบ ซึ่งจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 CC หรือแล้วแต่สภาพปากของแต่ละบุคคล

      ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร

      การฉีดฟิลเลอร์ปากขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขและด้วยยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่มีหลากหลาย ราคาจึงแตกต่างกันไปตามฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยราคาต่อ 1 CC จะประมาณ 6,000-15,000 บาท แต่หากอยากทราบราคาที่แม่นยำมากกว่านี้ จะต้องทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานบริการที่มีมาตรฐาน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินจำนวน CC ที่ต้องการของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละบุคคลค่ะ และในบางคลินิกอาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาซึ่งอาจทำให้ราคาถูกลงมามากกว่านี้นั่นเองค่ะ

      วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

      1. หลีกเลี่ยงการจับ สัมผัส กด หรือนวดบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่อาจจะทำให้เกิดการผิดรูปทรงได้
      2. ดื่มน้ำให้ได้มากที่สุด  เพราะฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่ม ฟูและให้ผลลัพธ์ยาวนานมากยิ่งขึ้น
      3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนร้อนๆและการสูบบุหรี่ อย่างน้อยหลังจากฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 48 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอาการอักเสบ บวม หรือผิดรูปทรงได้
      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
      dr ben malika clinic 02

      หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากแบบไหน สามารถส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินก่อนเข้ารับบริการจริงได้ที่ ID: @malikaclinic หรือเข้ามาที่คลินิกเพื่อให้หมอเบญประเมินก่อนได้เลยค่ะ คลิกนิกตั้งอยู่ที่ลาดพร้าว วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญและทีมงานยินดีต้อนรับค่ะ

      dermal filler or fat transfer

      เติมไขมันหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์ เลือกอย่างไหนดี วิธีไหนเหมาะกับใคร

      เติมไขมันหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์ เลือกอย่างไหนดี วิธีไหนเหมาะกับใคร

      ทางเลือกสำหรับเคล็ดลับความงามและความเยาว์วัยในปัจจุบันมีหลายวิธี ซึ่งวิธีที่นิยมในกลุ่มสาวๆ นั่นก็คือ การเติมไขมันหน้าและการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกดูความแตกต่าง เติมไขมันหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์เลือกอย่างไหนดี วิธีไหนเหมาะกับใครบ้างเพื่อแก้ไขความกระจ่าง สามารถศึกษาได้ในบทความนี้

      สารบัญบทความ คำถามที่หลายๆคนสงสัยเรื่องเติมไขมันและฉีดฟิลเลอร์
        Add a header to begin generating the table of contents

        ฉีดไขมันหน้า หรือเติมไขมันหน้า คืออะไร

        การเติมไขมันหน้า สามารถเรียกได้ว่าเป็น Fat Grafting, Fat Transfer, Fat Fillers หรือ Lipofilling ก็ได้ นั่นก็คือ การนำเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายออกจากบริเวณที่ไม่ต้องการให้มีไขมันสะสม เช่น ต้นแขน ต้นขา น่อง เหนียง หน้าท้อง เป็นต้น เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่ต้องการเพิ่มมิติให้มากขึ้น เช่น ใบหน้า แก้ม คาง ขมับ หน้าผาก เป็นต้น ซึ่งกระบวนการเติมไขมันหน้าจะช่วยให้บริเวณที่เติมไขมันดูอิ่มฟู ดูเต็มขึ้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่งและลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี

        การทำงานของการเติมไขมันหน้า
        Fat transfer

        เติมไขมันหน้าแตกต่างกับฉีดฟิลเลอร์อย่างไร

        การเติมไขมันหน้า จะใช้เซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายที่เราไม่ต้องการ แล้วจึงนำไปเข้ากระบวนการสกัดตามขั้นตอนคัดกรองเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ เพื่อนำกลับไปใช้ในการฉีดเติมเต็ม เพิ่มมิติให้กับร่างกายอีกครั้ง

        ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นการฉีดเติมเต็ม เพิ่มมิติให้กับร่างกายเหมือนกับการเติมไขมันหน้าแต่สารที่ฉีดเข้าไปนั้นไม่ใช่เซลล์ไขมันที่มาจากร่างกายของเรา สารที่ฉีดเข้าไปเป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับโปรตีนในร่างกายของมนุษย์ที่ชื่อว่า กรดไฮยาลูโรนิก หรือ Hyaluronic acids หรือ HA ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งมีความปลอดภัยและดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีเช่นเดียวกัน

        1. เติมไขมันหน้า ฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดบริเวณใดได้บ้าง

        ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คุณสมบัติของฟิลเลอร์และไขมันนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยการเป็นสารสังเคราะห์ของฟิลเลอร์จึงมีระดับความแข็งที่แตกต่างกัน การปรับใช้ฟิลเลอร์จึงขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีดสารเติมเต็มที่แตกต่างกันไป ส่วนเซลล์ไขมันมีระดับความแข็งระดับเดียว การใช้เซลล์ไขมันแต่ละระดับก็จะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมแต่จะมีลักษณะนิ่มกว่าฟิลเลอร์อยู่ดี 

        การฉีดฟิลเลอร์: 
        สามารถใช้ได้ทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเติมเต็มหน้าผาก เติมขมับตอบ เติมแก้มตอบ ใต้ตา หรือร่องน้ำตาลึก ร่องแก้มลึก เสริมจมูก เติมเต็มปาก คางเรียว ลดริ้วรอยและรอยหลุมสิว ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติ ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ไม่หมองคล้ำ
         

        การเติมไขมัน:
        มักจะเน้นในบริเวณที่ทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น เช่น เติมเต็มหน้าผาก เติมขมับตอบ เติมเต็มไขมันใต้ตา เติมร่องแก้ม เสริมหน้าอก ฉีดไขมันมือเด็ก ฉีดสะโพก ยกเว้นบริเวณจมูกและคางที่เป็นกระดูกแข็งๆเท่านั้น ซึ่งการเติมไขมันจะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูอิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกและทำให้ผิวดูเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

        2. เติมไขมันหน้า ฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน วิธีไหนอยู่ได้นานกว่า

        ระยะเวลาหลังฉีดในบริเวณเดียวกัน ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ หรือเติมไขมันหน้าส่วนมากจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด

        การฉีดฟิลเลอร์:
        จะขึ้นอยู่กับระดับความแข็งของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป จะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนขึ้นไป

        การเติมไขมันหน้า:
        จะอยู่ได้ประมาณ 1-4 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยร่วมกันกับร่างกายของผู้ฉีดเองด้วย นั่นก็หมายความว่า การฉีดเติมไขมันหน้าประมาณ 70% ขึ้นอยู่กับส่วนของแพทย์ (เทคนิคการฉีดและปริมาณที่ใช้) และอีก 30% อยู่ที่การดูแลรักษาตัวเองของผู้ที่ได้รับการฉีด

        3. โอกาสในการแพ้จากการเติมไขมันหน้า และฉีดฟิลเลอร์

        อย่างที่ได้กล่าวไปว่าการเติมไขมันหน้า คือ การนำเอาเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกายมาใช้งาน ดังนั้นโอกาสในการแพ้จึงไม่มีเลยเพราะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ส่วนการฉีดฟิลเลอร์สามารถพบเจอกับโอกาสในการแพ้ได้ เนื่องจากการได้รับฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีอาการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นหนอง เป็นก้อนแข็ง เคลื่อนตัวง่าย หรือมีพังผืดเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้การได้รับฟิลเลอร์ของแท้ก็สามารถพบโอกาสในการแพ้ได้เช่นเดียวกัน Delay Hypersensitivity ซึ่งจะเป็นการแพ้ที่เกิดขึ้นในระยะยาว หลังจากได้รับฟิลเลอณืไปแล้วประมาณ 6 เดือน อาจจะมีอาการบวม แดง อักเสบและเป็นก้อน

        การทำงานของฟิลเลอร์
        dermal filler

        การฉีดฟิลเลอร์ เติมไขมัน ราคาเท่าไร วิธีไหนแพงกว่า

        การฉีดฟิลเลอร์และเติมไขมันหน้าราคาแตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะการเติมไขมันหน้าจะใช้เซลล์ไขมันที่มาจากตัวของคนไข้ แต่ก็มีขั้นตอนการทำค่อนข้างหลายขั้นตอน เนื่องจากตัองทำการดูดไขมันจากร่างกายของคนไข้ก่อน จากนั้นจึงนำกลับเข้าไปฉีดเติมเต็มบริเวณที่ต้องการ ดังนั้นราคาค่อนข้างสูงกว่ากว่าการฉีดฟิลเลอร์ ส่วนฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดบริเวณที่ต้องการได้เลย ส่วนราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด และคลีนิกเสริมความงามมักมีโปรโมชั่นออกมาเสมอ ทำให้ราคาฟิลเลอร์ส่วนมากจะเริ่มต้นที่ราคาไม่แพง หลักพันต้นๆก็สามารถเริ่มฉีดฟิลเลอร์ได้แล้วค่ะ

        ฉีดฟิลเลอร์ เติมไขมัน อันไหนสวย เป็นธรรมชาติมากกว่า

        การฉีดฟิลเลอร์กับการเติมไขมันหน้าถามว่าอันไหนดีกว่า ต้องขอตอบว่าขึ้นอยู่กับบริเวณที่เราต้องการฉีดและความต้องการที่เรามี รวมทั้งยังมีเรื่องของงบประมาณของแต่ละท่านที่แตกต่างกัน ด้วยปัญหาและลักษณะของแต่ละคนไม่เหมือนกันดังนั้นการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษาว่า จุดที่ต้องการแก้ปัญหาเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์เติมไขมันมากกว่ากัน 5 ความต้องการของเราอยากจะให้หน้าดูละมุน ดูเป็นธรรมชาติก็จะเหมาะกับการเติมไขมันหน้ามากกว่า ส่วนคนที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป๊ะ ใบหน้าดูโดดเด่นและเห็นผลอย่างชัดเจนก็จะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์แทน

        dermal filler or fat transfer

        เติมไขมันหน้า เหมาะกับใคร

        การเติมไขมันหน้าจะช่วยให้ผิวพรรณดูละมุนละไม อ่อนเยาว์ ดูอิ่มน้ำ ดูเต็มฟู เปล่งปลั่งและมีออร่า จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงจากการแพ้ฟิลเลอร์ หรือปัญหาฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน ในขณะเดียวกันก็อาจจะต้องมีการเติมไขมันหน้าบ่อยครั้งกว่าการฉีดฟิลเลอร์

        การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร

        ส่วนการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยให้รูปหน้ากระชับ ได้สัดส่วนอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างชัดเจนและสมบูรณ์แบบ รวมทั้งการใช้บริเวณจมูกและคาง ซึ่งถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงแต่ก็อยู่ได้นานกว่าการเติมไขมันหน้า แต่ก็อาจจะนำมาซึ่งความเสี่ยงในการแพ้ฟิลเลอร์นั่นเองค่ะ

        สรุปเติมไขมันหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์ดี

        การเติมไขมันหน้าและการฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีและข้อแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับบริเวณที่เราต้องการจะแก้ไขปัญหา รวมทั้งราคาที่แตกต่างกัน หากไม่มั่นใจว่าการเติมไขมันหน้า หรือการฉีดฟิลเลอร์แบบไหนเหมาะกับการรักษามากกว่า ขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อประเมินการรักษาและผลลัพธ์ที่จะเป็นไปได้ว่าตรงกับความต้องการ และงบประมาณหรือไม่ค่ะ

        ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
        dr ben malika clinic 02

        หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านยังมีความสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม หรืออยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีไหน สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ หมอเบญตอบแชตเองค่ะและยินดีให้คำปรึกษากับทุกท่านค่ะ  สามารถแอดไลน์ได้ที่ Line ID: @malikaclinic หรือเข้ามาที่คลินิกเพื่อให้หมอเบญประเมินก่อนได้เลยค่ะ คลิกนิกตั้งอยู่ที่ลาดพร้าว วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญและทีมงานยินดีต้อนรับค่ะ

        shaving hair

        แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

        แวกซ์ขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ Yag, Diode แตกต่างกันอย่างไร วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด

        สาวๆและหนุ่มๆหลายๆคนคงจะเคยสงสัยว่า “ขน” ที่ขึ้นอยู่ตามร่างกายของเรานั้นมีไว้เพื่ออะไร? ขนที่ขึ้นตามบริเวณต่างๆในร่างกายต่างก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป นอกจากจะเป็นอวัยวะรับความรู้สึกแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อน ป้องกันแสงแดดและป้องกันอันตรายได้ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ขนที่ขึ้นบางส่วน ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆหลายๆคนสักเท่าไหร่ เช่น ขนคิ้ว รักแร้ ขา แขน หนวด รวมไปถึงจุดซ่อนเร้น เป็นต้น จึงเป็นที่มาของวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? วิธีกำจัดขนไหนดีที่สุด? ศึกษาได้ในบทความนี้เลย

        หมอเบญนำบทความเปรียบเทียบการกำจัดขนแต่ละประเภทมาให้สาวๆได้อ่านกันแล้วค่ะ
          Add a header to begin generating the table of contents

          วิธีกำจัดขนแต่ละประเภท

          พูดถึงวิธีกำจัดขนที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การโกนขน การแวกซ์กำจัดขน และเลเซอร์กำจัดขน ซึ่งการกำจัดขนส่วนใหญ่ทำเพื่อความสวยงาม บางกรณีอาจจะเป็นการรักษาความผิดปกติของขนที่ขึ้นตามร่างกาย เช่น โรครูขุมขนอักเสบ หรือขนคุด โรคมนุษย์หมาป่า หรือขนดก เป็นต้น มาดูกันว่าวิธีกำจัดขนแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?

          shaving hair

          การกำจัดขนด้วยการโกน

          การกำจัดขนด้วยการโกน เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวโดยใช้มีดโกน หรือเครื่องโกนขนไฟฟ้า ส่วนมากนิยมกำจัดขนบริเวณใบหน้า การโกนหนวด หรือการตัดผมของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงนั้นจะใช้โกนบริเวณรักแร้ ขา แขนและจุดซ่อนเร้นเป็นส่วนใหญ่ เทคนิคในการโกน คือ การทำให้ผิวบริเวณที่ต้องการโกนขน มีความเปียกเล็กน้อยเพื่อให้ขนอ่อนนุ่มลงและโกนได้ง่ายขึ้น บางแห่งที่เป็นบริเวณผิวบอบบางสามารถใช้ครีมโกนขนร่วมด้วยได้และให้โกนตามแนวขนเพื่อป้องกันการระคายเคือง

          ข้อดีของการโกน :

          การโกนขนสามารถทำได้เองง่ายๆที่บ้าน มีความสะดวกสบายและไม่มีความซับซ้อนใดๆเพียงแค่มีอุปกรณ์โกนขนเท่านั้น สามารถโกนได้ทุกบริเวณที่ต้องการโดยทันที

          ข้อเสียของการโกน :

          การโกนขนเป็นการกำจัดขนแบบชั่วคราว ไม่ได้ดึงเส้นขนออกมาทั้งราก จะให้ผลลัพธ์ประมาณ 1-3 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจจะต้องโกนบ่อย ซึ่งเป็นบ่อเหตุของการเกิดอาการระคายเคืองผิว ตุ่มนูนแดง อาการขนคุด หรืออาจเป็นเหตุทำให้มีดโกนบาดผิวหนังและติดเชื้อได้ง่าย

          waxing hair

          การแวกซ์กำจัดขน

          การกำจัดขนด้วยการแวกซ์ เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวอีกเทคนิคหนึ่งแต่เป็นการถอนขนออกมาทั้งเส้น ซึ่งจะใช้แวกซ์อุ่นๆ หรือแวกซ์เย็นในการกำจัดขน นิยมใช้บริเวณใต้วงแขน ขา แขนและจุดซ่อนเร้น ซึ่งจะเป็นการนำแวกซ์กำจัดขนป้ายลงบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน จากนั้นใช้แถบผ้าขนาดต่างๆทับลงไปและรอให้แวกซ์แห้งแล้วจึงดึงแถบผ้าออกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เส้นขนหลุดติดมากับแถบผ้านั้น

          ข้อดีของการแวกซ์กำจัดขน :

          การแวกซ์กำจัดขนสามารถทำได้ที่ร้าน หรือซื้อแบบแผ่นสำเร็จรูปมาทำเองได้ที่บ้านได้ง่ายๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการกำจัดขนได้ทุกส่วนบนร่างกาย ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ประมาณ 3-6 สัปดาห์ จึงไม่ต้องทำบ่อยและควรปล่อยให้เส้นขนยาวเพิ่มอย่างน้อย 6 มิลลิเมตรเพื่อให้การแวกซ์ครั้งต่อไปง่ายขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การแวกซ์กำจัดขนช่วยให้ผิวเรียบเนียนกว่าและขนที่ขึ้นใหม่นั้นจะบางกว่าการโกนนั่นเอง 

          ข้อเสียของการแวกซ์กำจัดขน :

          การแวกซ์กำจัดขนจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและจะรู้สึกเจ็บปวดกว่าการโกน อาจจะมีรอยแดง หรือตุ่มนูนหลังจากการแวกซ์ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในกรณีที่ผิวไหม้ หรือการใช้ยารักษาสิวบางชนิดที่ทำให้ผิวบางลงด้วย

          laser-epilation-hair-removal-therapy (1)

          เลเซอร์กำจัดขน

          วิธีกำจัดขนแบบเลเซอร์นี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความร้อนยิงเข้าไปที่รูขุมขนเพื่อทำลายและยับยั้งการเติบโตของเส้นขน ด้วยหลักการทำงานง่ายๆ คือ การจับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีเลเซอร์ 3 ประเภทที่เป็นที่นิยม

          ข้อดีของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

          การยิงเลเซอร์ขนให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าแต่คุณไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน จะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการกำจัดขนแบบถาวรที่กำจัดขนได้ลึกจนถึงราก ลดอัตราการเกิดใหม่และไม่ทำร้ายผิวด้วย

          ข้อเสียของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ :

          การยิงเลเซอร์ขนจะต้องยิงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 5 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและจะต้องทำที่ร้านเท่านั้น ไม่สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ในปัจจุบันการเลเซอร์ขนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก บางครั้งเริ่มต้นเพียงหลักพันต้นๆเท่านั้น

          ประเภทของเลเซอร์กำจัดขน

          เลเซอร์ IPL

          เป็นคลื่นความถี่ช่วง 650 nm-1200 nm โดยใช้หลักการส่งความร้อนไปจับกับเม็ดสีเมลานินในรากเส้นขนเพื่อทำลายเซลล์รากขนให้อ่อนแอลง หลังจากทำแล้วขนจึงค่อยๆหล่นร่วงไป หากงอกขึ้นมาใหม่ก็จะไม่แข็งแรงและเป็นเส้นบาง จนกระทั่งไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก เลเซอร์ IPL นี้ ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน ซึ่งสามารถไปยิงซ้ำได้เรื่อยๆ

          เลเซอร์ Yag

          เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 1064 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ ซึ่งเลเซอร์ yag สามารถกำจัดขนได้ 20-30% ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ทำประมาณ 5-8 ครั้ง หรือจนกว่าเส้นขนจะถูกกำจัดออกทั้งหมด โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากทำครั้งที่ 5 เป็นต้นไป

          เลเซอร์ diode

          เป็นคลื่นความถี่ช่วงประมาณ 880 nm โดยใช้หลักการเดียวกันกับเลเซอร์ขนอื่นๆ เนื่องจากเป็นลำแสงขนาดเล็กจึงสามารถผ่านผิวลงไปได้ลึก กำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็กแต่เส้นขนจะค่อยๆร่วงในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากทำ จึงจะต้องมาทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน

          diode laser
          เครื่องเลเซอร์ Diode

          เลเซอร์กำจัดขนแบบไหนดีที่สุด

          เลเซอร์กำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีแตกต่างกันไป หากพิจารณาตามช่วงความยาวของคลื่น ยิ่งขึ้นยาวมากเท่าไหร่ก็ทำให้กำจัดลึกถึงรากขนได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเลเซอร์ Yag จึงถือว่าเป็นเลเซอร์ที่ลงลึกถึงรากขนได้มากที่สุดถึง 7 มิลลิเมตรเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยกำจัดเส้นขนได้หมดจดโดยที่ไม่เกิดรอยไหม้ รอยดำ หรือการระคายเคืองแล้ว ยังสามารถทำได้ทุกบริเวณ รวมถึงจุดซ่อนเร้นด้วย ส่วน diode laser เป็นเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนโดยเฉพาะ และไม่ทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานีน ทำให้สามารถทำเลเซอร์ได้แม้ในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหนังที่สุด

          วิธีกำจัดขน แบบไหนดีที่สุด

          วิธีกำจัดขนแบบไหนดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องโจทย์ความต้องการ ความสะดวกสบาย ค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์ที่ได้รับและข้อเสียที่ยอมรับได้ เพราะวิธีกำจัดขนแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการกำจัดขนแบบไหนมากกว่า

          ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
          dr ben malika clinic 02

          หากอ่านมาถึงตรงนี้แต่ยังไม่แน่ใจว่าเลเซอร์กำจัดขนตัวไหนที่เหมาะกับตัวเรา สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือขอคำแนะนำกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben เบอร์โทร 095 450 9355 หรือ Line ID: @malikaclinic ส่งข้อความมาถามหมอเบญได้เลยค่ะ หมอเบญตอบแชตเองและยินดีให้คำปรึกษาคนไข้ทุกคนค่ะ

          Woman treatment malika clinic 06

          เจาะลึกเรื่อง ฝ้า สาเหตุ วิธีป้องกันฝ้า วิธีรักษาฝ้า รักษาฝ้า ที่ไหนดี

          เจาะลึกเรื่อง ฝ้า สาเหตุ วิธีป้องกันฝ้า วิธีรักษาฝ้า รักษาฝ้า ที่ไหนดี

          ปัญหาเรื่องฝ้าถือเป็นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เมื่อต้องเผชิญกับการรุกล้ำของฝ้าหรือรอยด่างดำตามใบหน้าแล้ว นอกจากจะรักษาให้หายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยาก ยังมีต้นทุนในการรักษาที่สูงอีกด้วย ในบทความนี้เราจึงอยากเคลียร์ให้ชัด เจาะประเด็นเรื่องฝ้าให้ลึก เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือหรือหาวิธีรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

          เจาะลึกเรื่องฝ้ากับหมอเบญ รวบรวมทุกคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องฝ้าในบทความมนี้ค่ะ
            Add a header to begin generating the table of contents

            ฝ้า คืออะไร

            ฝ้าคือลักษณะทางกายภาพที่ร่ายกายพยายามแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของผิวหนังชั้นนอกที่สีเปลี่ยนไปในทิศทางที่เข้มขึ้น โดยฝ้าจะมีขนาดและสีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางร่ายกาย สาเหตุ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการรักษาฝ้าหรือรอยด่างดำจะยากหรือง่าย ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ประเภท ขนาด และความเข้มของสีที่เกิดขึ้นอีกด้วย

            Woman treatment malika clinic 06

            ฝ้า เกิดจากอะไร สาเหตุของการเกิดฝ้า

            ด้านล่างนี้ เราได้รวบรวมสาเหตุของการเกิดฝ้าที่เป็นไปได้ทั้งหมดมาไว้ให้คุณแล้ว ศึกษาอย่างละเอียดเพื่อที่จะเข้าใจและพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า

            1. เผชิญหน้ากับแสงแดดอยู่บ่อยครั้ง
              ในแสงแดดส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต ประเภท UVA, UVB หรือกลุ่มของแสงที่มองเห็นได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนที่จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังของคุณมีสีที่เปลี่ยนไปได้

            2. ฮอร์โมน
              ปัญหาฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน ส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือกินยาคุ้มกำเนิดเป็นประจำ
            1. ใช้สารเคมีหรือเครื่องสำอางเป็นประจำ
              เพราะเครื่องสำอางมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจทำให้ชั้นใบหน้าของคุณบางลง ซึ่งเมื่อไปเจอกับแสงแดดก็อาจทำให้รอยฝ้ายเกิดง่ายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเครื่องสำอางยังกระตุ้นการเกิดฝ้าง่ายขึ้นอีกด้วย
            1. ลักษณะทางพันธุกรรมจากงานวิจัยพบว่า บุคคลที่ประสบปัญหาเรื่องฝ้าและรอยด่างดำของผิวมักมีประวัติของบุคคลในครอบครัวที่พบเจอปัญหาเดียวกัน นอกจากนี้ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียมักมีโครงสร้างของผิวที่มีความน่าจะเป็นในเกิดฝ้ามากกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ อีกด้วย
            melasma skin malika clinic

            วิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ

            อยู่เมืองร้อนต้องทำใจกับปัญหาผิวมากมายที่อาจเกิดขึ้นกับสาวๆ ทั้งหลายได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องฝ้านั้นถือเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นกับสาวๆ บ้านเรามากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ สำหรับวิธีการรักษาฝ้านั้นทำได้มากมายหลายวิธีทั้งวิธีแบบธรรมชาติ ใช้ครีมรักษาฝ้า และรักษาโดยแพทย์ผิวหนังโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันคลินิกเสริมความงามบ้านเราแทบจะทุกที่มักมีโปรแกรมดูแลเรื่องฝ้าไว้ให้อยู่แล้ว ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปปรึกษาได้เลยโดยตรงนั่นเอง แต่ทว่าสาวๆ หลายคนอาจจะไม่อยากเสียเงินหลักหมื่นไปกับการดูแลฝ้าใช่ไหมล่ะ? วันนี้เราได้รวบรวม 3 วิธีทางธรรมชาติในการรักษาฝ้ามาฝาก ได้แก่

            1. หัวไชเท้า – เนื่องด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงมากในหัวไชเท้าทำให้มีความสามารถลดรอยฝ้าและกระได้อย่างธรรมชาติ เพียงคุณนำหัวไชเท้าสดปลอกเปลือก แล้วคั้นให้เหลือเพียงน้ำเท่านั้น จากนั้นผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วนน้ำ 3 ส่วน และน้ำหัวไชเท้าอีก 1 ส่วน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยสามารถใช้สำลีชุบน้ำที่ผสมไว้แล้วเติมลงบนหน้าประมาณ 3-4 รอบ คุณสามารถใช้สูตรนี้ได้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เลยค่ะ
              นอกจากนี้คุณยังสามารถนำน้ำหัวไชเท้า 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ก็สามารถช่วยลดฝ้าได้เช่นเดียวกันค่ะ
            2. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลหมักธรรมชาติ – ด้วยวิตามินซีที่ค่อนข้างสูงของน้ำหมักทำให้มีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี เพียงผสมกับน้ำเปล่าอัตราส่วน 1:1 หรือปริมาณน้ำส้มหมักน้อยกว่านี้ก็ได้หากคุณมีผิวหน้าที่แพ้ง่าย เพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากฤทธิ์ของกรด เช่น รอยแดง เป็นต้น วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอาการฝ้าได้เท่านั้น แต่ยังสามารถลดรอยดำที่เกิดจากสิวได้อีด้วยค่ะ
            3. ใบบัวบก – ใบบัวบกถูกเรียกว่าเป็นสมุนไพรตลอดกาลในการดูแลเรื่องผิวพรรณ เนื่องจากในใบบัวบกนั้นมีสารไตรเตอร์ปินนอยด์ (Triterpenoids) ที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวหนัง อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เรียกได้ว่าคุณประโยชน์พร้อมสรรพในการเป็นสมุนไพรดูแลผิวหน้าจริงๆ ค่ะ
            Dark spots on face melasma

            รักษาฝ้าที่ไหนดี

            อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสถานที่ในการรักษาหรือดูแลฝ้ากระในปัจจุบันนั้นมีมากมาย สถาบันเสริมความงามหรือคลินิกเสริมความงาม เราสามารถเข้าไปเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์การในด้านรักษาผิวหน้าโดยเฉพาะ โดยสามารถดูรีวิวของผู้ที่เคยใช้บริการเพื่อประกอบการตัดสินใจ

            ที่ Malika Clinic by Dr. Ben มีโปรแกรม Anti melasma Program  ซึ่งเป็นการรักษาฝ้า 10 ขั้นตอน รวมไปถึงการทำ LED LIGHT THERAPY โดยการใช้แสงสีเหลือง ที่มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสี พร้อมใช้วิตามินในการบำรุงผิว หากผู้อ่านสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

            ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
            dr ben malika clinic 02

            ผู้อ่านที่มีปัญหาเรื่องฝ้า และต้องการคำแนะนำหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben คลินิกความงาม ลาดพร้าว วังหิน หรือแอดไลน์  Line ID: @malikaclinic เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม หมอตอบเองทุกเคสและไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ 

            treatment acne

            สิว มีกี่ประเภท สาเหตุของการเกิดสิว รักษาสิว ที่ไหนดี เจาะลึกเรื่องสิว

            สิว มีกี่ประเภท สาเหตุของการเกิดสิว รักษาสิว ที่ไหนดี เจาะลึกเรื่องสิว

            หลายๆคนคงจะเคยประสบพบเจอกับปัญหาเรื่องสิวๆที่ทำให้หนักอกหนักใจ เจ้าสิวตัวดีนี่แหละ! ที่เกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท ดังนั้นไม่ว่าใครๆก็มีโอกาสเป็นสิวกันได้ทั้งนั้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสิวก็จะมีสารพัดประเภทที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน ในบทความนี้หมอเบญจะมาเจาะลึกเรื่องสิว มาดูกันว่าสาเหตุของการเกิดสิว ประเภทของสิว มีกี่ประเภท พร้อมวิธีป้องกันและรักษาสิว ที่ไหนดี วันนี้เราเตรียมคำตอบมาให้คุณแล้ว ศึกษาเพิ่มเติมไปพร้อมๆกันได้เลย

            เรื่องสิว ใครว่าเป็นปัญหาเล็กๆ วันนี้หมอเบญนำบทความที่หลายคนอย่างรู้เกี่ยวกับเรื่องสิวๆมาให้อ่านกันค่ะ
              Add a header to begin generating the table of contents

              เจาะลึกเรื่องสิว ใครๆก็มีสิวได้

              ต้องยอมรับว่าศัตรูตัวฉกาจของใครหลายๆคนที่ทำให้หนักอกหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว นั่นก็คือ สิว! ซึ่งการมีสิวไม่เพียงแค่ทำให้ใบหน้ามีจุดบกพร่องเท่านั้นแต่การเป็นสิวยังทำให้เกิดความเจ็บปวด บางคนมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นอักเสบอีกด้วย ที่น่าเจ็บใจมากที่สุด นั่นก็คือ ตอนที่สิวหายไปแล้วก็ยังทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดเอาไว้ให้ดูอีก อย่างเช่น รอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น รอยบุ๋มและรอยนูนบนใบหน้า

              treatment acne

              สาเหตุของการเกิดสิว

              สิว (Acne Vulgaris) โดยปกติแล้วเกิดจากการอุดตันของสารเหนียวที่เกิดจากการรวมตัวกันของน้ำมัน, ขนอ่อน, เซลล์ผิวเก่าที่หลุดลอกและแบคทีเรียในรูขุมขน ที่เราเรียกกันว่า “คอมีโดน” หรือ “Comedones” สิวจึงมักขึ้นในที่ที่มีไขมันเยอะมากๆ อย่างเช่น ใบหน้า หน้าอก หนังศีรษะและแผ่นหลัง โดยมีระยะเวลาก่อตัวประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ สิ่งอุดตัน หรือคอมีโดนจะดันท่อไขมันและรูขุมขน ดันผิวหนังให้นูนขึ้นมาจนเห็นว่า “สิวขึ้น” นั่นเอง

               การเป็นสิวนั้นพบได้ในคนทุกเพศ ทุกวัยแต่จะพบได้มากในช่วงวัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์เพราะมีปริมาณฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างน้ำมันมากกว่าวัยอื่นๆ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆที่สามารถกระตุ้นให้เกิดคอมีโดนได้ ซึ่งแบ่งสาเหตุของการเกิดสิวออกเป็น

              1. น้ำมัน หรือไขมัน การผลิตน้ำมันของต่อมไขมันในผิวที่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยเรื่องฮอร์โมนแอนโดรเจน สภาพอากาศ พันธุกรรม อาหาร หรือยาบางประเภทก็มีส่วนทำให้ผิวหนังมีน้ำมัน หรือไขมันออกมามาก อย่างที่เราเรียกว่า “หน้ามัน” หรือ “ผิวมัน” นั่นเอง
              2. ขนอ่อน ในแต่ละรูขุมขนจะมีปริมาณของขนอ่อน 1-80 เส้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการหลุดร่วงตามธรรมชาติ ในกรณีที่มีมากจนเกินไปและไม่มีการหลุดร่วงออกไปตามธรรมชาติก็จะมีผลทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันจนกลายเป็นคอมีโดนได้
              3. เซลล์ผิวที่หลุดลอก การที่เซลล์ผิวหนังด้านนอกเกิดการผลัดผิวตามธรรมชาติแต่ตกค้างในรูขุมขน หรือการผลัดเซลล์ผิวมากจนผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากโรคผิวหนังบางชนิด อาการระคายเคือง การดูแลผิวแบบผิดวิธี หรือการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิว จะส่งผลให้รบกวนการไหลของน้ำมันออกมานอกผิวและทำให้เกิดการอุดตันในบริเวณนั้นๆ

              แบคทีเรียที่เป็นตัวการก่อให้เกิดสิว (Microbial colonization) ที่มีชื่อว่า Propionibacterium Acnes (P.Acne) หรือพี แอคเน่ ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะเจริญเติบโตอยู่บริเวณรูขุมขนและเป็นตัวการทำให้เกิดสิวอุดตัน อักเสบ บวม แดงและเป็นหนอง

              รีวิวก่อน-หลัง รักษาสิวที่ Malika Clinic
              Acne treatment review blog 011

              สิว มีกี่ประเภท?

              สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
              1. สิวประเภทที่ไม่อักเสบ (Non-Inflammatory Acne) หรือสิวอุดตัน บ้างก็เรียกว่าสิวผด หรือสิวเสี้ยน แบ่งได้เป็นอีก 2 ประเภท
                    – สิวอุดตันหัวเปิด หรือสิวหัวดํา (Blackheads) เป็นตุ่มสีดำเล็กๆที่พบได้ทุกที่ การที่หัวสิวเป็นสีดำเพราะสารอุดตันทั้งหมดทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
                    – สิวอุดตันหัวปิด หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) เป็นตุ่มสีขาวใต้ผิวหนังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบและเครื่องสำอางตกค้างในรูขุมขน

              2. สิวประเภทที่อักเสบได้ (Inflammatory Acne) หรือสิวอักเสบ จะรู้สึกเจ็บเมื่อกด หรือสัมผัส ส่วนมากมักจะมีอาการบวม แดงร่วมด้วย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
                    – สิวตุ่มแดง (Papules) เป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็ก นูนขึ้นมา จะมีอาการเจ็บมากเมื่อสัมผัส
                    – สิวตุ่มหนอง (Pustules) มีลักษณะคล้ายสิวตุ่มแดงแต่จะมีหัวหนองเห็นชัดเจนอยู่กลางตุ่ม
                    – สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นสิวอักเสบสีแดง ลักษณะแข็ง ใหญ่ ขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรขึ้นไป
                    – สิวซีตส์ (Cysts) เป็นสิวอักเสบแบบรุนแรงและอันตราย มีลักษณะเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังประกอบไปด้วยเลือดและหนอง บางรายอาจจะมีขนาดใหญ่ บวมแดงและเจ็บปวดมาก ซึ่งคอลลาเจนจะถูกทำลายลงและอาจจะเป็นหลุมสิวได้

              รีวิวก่อน-หลัง รักษาสิวที่ Malika Clinic
              Acne treatment review blog 021

              รักษาสิว ที่ไหนดี

              การรักษาสิวเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน หากยังไม่มีอาการที่ดีขึ้นก็ควรจะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการรักษาเพื่อให้แพทย์ได้ทำการประเมินและรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทานยาปฏิชีวนะ, ยาปรับระดับฮอร์โมน, ยาทา, การฉีดสิว, การฉายแสง LED, เลเซอร์และการทำทรีทเม้นต่างๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังปรับสภาพดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ซึ่งการรักษา หรือการปรึกษาแพทย์ควรจะเริ่มทำตั้งแต่ระยะเริ่มแรกเพราะจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและป้องกันอาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งระยะเวลาในการรักษาประมาณ 4 สัปดาห์ถึง 3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

              ที่ Malika Clinic by Dr. Ben มีคอร์สรักษาสิว Acne Pro ซึ่งเป็นการรักษาสิว 10 ขั้นตอน รวมไปถึงการฉายแสงเพื่อฆ่าเชื้อสิว หากผู้อ่านสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

              ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
              dr ben malika clinic 02

              ผู้อ่านที่มีปัญหาเรื่องสิว และต้องการคำแนะนำหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับหมอเบญได้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben คลินิกความงาม ลาดพร้าว วังหิน หรือแอดไลน์  Line ID: @malikaclinic เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม หมอตอบเองทุกเคสและไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ หรือหากสะดวกสามารถเดินทางมาให้หมอเบญประเมินก่อนฉีดจริงได้ที่คลินิก ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67)

              botox wrinkle 01

              โบท็อกซ์ คือ ช่วยเรื่องอะไร มีกี่ยี่ห้อ ราคาเท่าไร ต้องใช้กี่ยูนิต

              Botox โบท็อกซ์ คือ ช่วยเรื่องอะไร มีกี่ยี่ห้อ ราคาเท่าไร ต้องใช้กี่ยูนิต

              ในปัจจุบันมีเทคนิคสำหรับเสริมความงามเยอะแยะมากมาย แต่ที่กำลังมาแรง เป็นที่นิยมและเป็นทางเลือกที่ได้รับการเลือกใช้กันมากที่สุด คือ การฉีดโบท็อกซ์ ในบทความนี้หมอเบญจะพามาทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ราคาเท่าไหร่ มียี่ห้ออะไรบ้าง ราคาแตกต่างกันไหมและต้องใช้กี่ยูนิต ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

              หมอเบญรวบรวบคำถามที่หลายๆคนอยากรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ให้อ่านกันค่ะ
                Add a header to begin generating the table of contents

                การฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร และโบท็อกซ์ คือ อะไร

                โบท็อกซ์ คือ ชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ หรือ Botulinum toxin type A ซึ่งเป็นสารสกัดของโปรตีนจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Clostridium botulinum ซึ่งเป็นสารที่ใกล้เคียงกับสารในร่างกายของมนุษย์  ในช่วงเริ่มแรกมักใช้สารโบท็อกซ์ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก อาการปวดไมเกรนและอาการตาเข ในปัจจุบันได้นำมาใช้ในวงการเสริมความงาม ซึ่งจะออกฤทธิ์กับระบบประสาทโดยตรง มีผลให้มัดกล้ามเนื้อต่างๆมีการคลายตัวและทำงานได้น้อยลงเป็นการชั่วคราว จึงทำให้ริ้วรอยลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง

                ส่วนการฉีดโบท็อกซ์ คือ การฉีดสารโบท็อกซ์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งเป็นสารธรรมชาติชนิดโปรตีนบริสุทธิ์ สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งเพื่อให้ตัวยาจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อเพื่อประโยชน์ในการลดเลือนริ้วรอย ปรับลดขนาดกล้ามเนื้อให้หน้าดูเรียวเล็กและช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของวงการเสริมความงามเลยก็ว่าได้

                รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดริ้วรอย
                botox wrinkle 01

                โบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

                การฉีดโบท็อกซ์มีข้อดีในเรื่องของความสวยความงาม ทั้งมีประโยชน์ในด้านการลดเลือนริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก หางตา หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ รวมทั้งการช่วยปรับลดขนาดกล้ามเนื้อให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก ช่วยกระชับกรอบหน้าให้ดูสวยงามสมบูรณ์แบบได้ด้วย

                 ส่วนการใช้สารโบท็อกซ์ทางด้านสุขภาพอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า ในช่วงแรกเริ่มนิยมใช้ในการรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ อาการปวดไมเกรนและรักษาอาการตาเหล่ ตาเข รวมทั้งการนำสารโบท็อกซ์มาใช้ในการลดปริมาณเหงื่อ ลดขนาดของกล้ามเนื้อแขน ขาและกล้ามเนื้อน่องได้ด้วย

                รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดกราม
                before after botox jaw

                โบท็อกซ์ มีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมถึงช่วยเรื่องความสวยความงาม

                หลังจากที่แพทย์ได้ทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในส่วนต่างๆที่ต้องการรักษาแล้ว โบท็อกซ์จะมีหลักการทำงานง่ายๆ ด้วยความที่สารโบท็อกซ์เป็นโปรตีนน้ำใสๆ จะถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

                1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาท ซึ่งจะเป็นส่วนที่ออกฤทธิ์โดยการเข้าไปจับที่ปลายประสาทเพื่อระงับการหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลง รวมทั้งทำงานลดลงชั่วคราวด้วย จึงทำให้ผิวหนังไม่เกิดรอยพับและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัวลง
                2. ส่วนที่ถูกดูดซึมไปตามกระแสเลือดจะถูกขับออกไปจากร่างกายโดยไม่ส่งผลอันตรายต่อเซลล์อื่นๆ

                โบท็อกซ์ มีกี่ยี่ห้อ อะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร?

                ในปัจจุบันมีผู้ผลิตสารโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อและจากหลายประเทศ ซึ่งโบท็อกซ์ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่

                allergan box
                Allergan โบทอกจากประเทศอเมริกา

                1. โบท็อกซ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Allergan เป็นสารโบท็อกซ์ประเทศแรกที่ผลิตขึ้นมาและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีโมเลกุลขนาดเล็ก มีความเข้มข้นสูง มีคุณภาพดี มีความบริสุทธิ์ อ่อนโยนและให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดแต่ก็มีราคาค่อนข้างสูงด้วย

                dysport box
                Dysport โบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ

                2. โบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ ได้แก่ Dysport ซึ่งเป็นสารโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า Allergan ซึ่งสามารถกระจายตัวได้ดีกว่า นิยมใช้ในการลดเหงื่อ ลดต้นแขนและลดน่องปูด โดย Dysport 2.5 ยูนิตจะเทียบเท่ากับ Allergan 1 ยูนิต

                xeomin-box-all
                Xeomin โบทอกจากประเทศเยอรมัน

                3. โบท็อกซ์จากประเทศเยอรมัน ได้แก่ Xeomin เป็นสารโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์ 100% ขนาดโมเลกุลเล็กและสามารถกระจายตัวได้ดี ช่วยแก้ปัญหาการดื้อโบท็อกซ์ นิยมใช้ลดเลือนริ้วรอย กระชับ ปรับรูปหน้าเพราะทำให้หน้าไม่แข็งตึง ดูสวยเป็นธรรมชาติแต่มีราคาสูงเทียบเท่ากับ Allergan

                nabota box korea
                Nabota โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี

                4. โบท็อกซ์ประเทศเกาหลี ได้แก่ Botulax, Aestox และ Nabota เป็นแบรนด์โบท็อกซ์น้องใหม่ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศเกาหลี ด้วยความที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Allergan แต่มีราคาที่ถูกกว่ามาก โดยความเข้มข้นและขนาดโมเลกุลที่สามารถอยู่ได้นาน 4-6 เดือนและออกฤทธิ์ไว ทำให้เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากเช่นกัน

                รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดริ้วรอย + ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 cc
                filler botox review 02

                โบท็อกซ์ ราคา ต่างกัน ประสิทธิภาพต่างกันหรือไม่?

                โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อแต่ละประเทศมีจุดโดดเด่นและความแตกต่างกันในเรื่องของกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์ การกระจายตัว ความเข้มข้น คุณสมบัติ ชนิด Protein Complex ขนาดของ Molecule Complex Size และความคงทนในการรักษาขนาดของ Molecule Complex Size ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการประเมินแผนการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า ในแต่ละเคสควรจะใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหน ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าและมีการแพร่กระจายเหมาะกับบริเวณที่ทำการรักษามากที่สุด

                โบท็อกซ์ ใช้กี่ยูนิต

                การฉีดโบท็อกแนะนำให้ทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่า ในแต่ละเคสควรจะใช้โบท็อกกี่ยูนิตเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษามากที่สุด ซึ่งการฉีดโบท็อกจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนและมีความปลอดภัย ส่วนมากจึงนิยมใช้ในบริเวณต่างๆของร่างกาย ดังนี้

                1.
                โบท็อกซ์หน้าเรียว ลดกราม Lift กรอบหน้า ประมาณ 50-100 ยูนิต
                2.โบท็อกซ์ปรับลดขนาดของอวัยวะ ประมาณ 10-100 ยูนิตต่อ 1 จุด (แล้วแต่บริเวณที่รักษา) เช่น

                • ลดโหนกแก้ม
                • ลดปีกจมูก
                • ลดต้นแขนและลดน่องปูด
                • ลดเหงื่อใต้รักแร้
                • โบท็อกซ์ลดเลือนริ้วรอยเฉพาะจุด ประมาณ 10-25 ยูนิตต่อ 1 จุด เช่น
                • ริ้วรอยหางตา หรือรอยตีนกาและใต้ตา
                • ริ้วรอยบนหน้าผาก
                • รอยย่นระหว่างคิ้ว
                • รอยย่นบนคอ
                • รอยย่นบนจมูก
                botox how many unit

                การฉีดโบท็อกซ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                การฉีดโบท็อกถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมความงามที่ได้รับประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย โดยมีความปลอดภัยต่อร่างกายและไม่ต้องพักฟื้นจากการผ่าตัดศัลยกรรมแต่อย่างใด ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาบนใบหน้าและริ้วรอยเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี อยู่ได้นานและสามารถเติมซ้ำได้เรื่อยๆตามคำแนะนำของแพทย์ หากใครที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์แนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ หรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานการให้บริการที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโบท็อกซ์ปลอม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละเคส ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มค่าจากการฉีดโบท็อกเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

                ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                dr ben malika clinic 02

                หากมีความสนใจการฉีดโบท็อกซ์แต่ยังไม่แน่ใจในข้อมูล ต้องการคำปรึกษาหรือคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถเข้ามาที่คลินิก Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ที่ลาดพร้าว วังหิน เบอร์โทร 095 450 9355 หรือ Line ID: @malikaclinic ส่งข้อความมาถามหมอเบญได้เลยค่ะ หมอเบญตอบแชตเองและยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

                botox wrinkle 01

                Botox โบท็อก ลดริ้วรอยได้จริงไหม ใช้กี่ยูนิต อยู่ได้นานแค่ไหน พร้อมรีวิว

                Botox โบท็อก ลดริ้วรอย ได้จริงไหม ใช้กี่ยูนิต อยู่ได้นานแค่ไหน พร้อมรีวิวโบท็อก ลดริ้วรอย

                ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยบนใบหน้าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดเลือนริ้วรอยเพื่อให้ใบหน้าอ่อนเยาว์และดูเด็กกว่าวัยแล้ว ยังเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม หรือพักฟื้นใดๆ และที่สำคัญที่สุดราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Botox ลดริ้วรอยได้จริงหรือไม่? พร้อมรีวิว โบท็อก ลดริ้วรอยและรายละเอียดอื่นๆที่คุณควรทราบเกี่ยวกับ Botox ศึกษาเพิ่มเติมได้เลยที่นี่!

                หมอเบญรวบรวบคำถามที่หลายๆคนอยากรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยมาให้อ่านกันค่ะ
                  Add a header to begin generating the table of contents
                  botox wrinkle blog

                  ทำความรู้จักโบท็อก botox คืออะไร

                  Botox คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ Clostridium botulinum ซึ่งมีคุณสมบัติในการจับกับปลายเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อคลายตัวลง เดิมทีแพทย์ได้ใช้ Botox ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการของกล้ามเนื้อตา ต่อมาได้มีการพัฒนาสาร Botox ให้สามารถนำมาใช้ในวงการเสริมความงามและการลดเลือนริ้วรอยกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

                  โบท็อก botox ลดริ้วรอย ได้จริงหรือไม่ มีหลักการทำงานอย่างไร

                  หากใครที่ต้องการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เช่นรอยย่นบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หางตา ระหว่างคิ้ว หรือรอยย่นบนดั้งจมูก การฉีด Botox ลดริ้วรอยเป็นการรักษาที่สามารถแก้ไขได้ค่อนข้างตรงจุด ด้วยหลักการทำงาน ดังนี้

                   เมื่อฉีดสาร Botox หรือ Botulinum toxin A ที่มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อไปยังส่วนต่างๆที่ต้องการแก้ปัญหา สาร Botox จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท โดยยับยั้งไม่ให้เซลล์ประสาทหลังสารสื่อประสาทออกมา ซึ่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงชั่วคราว เมื่อหดตัวไม่ได้จึงเกิดการคลายตัวลง ซึ่งทำให้ริ้วรอยลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด นอกจากนี้ยังทำให้ผิวตึงกระชับ ดูเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

                  botox wrinkle blog

                  ฉีดโบทอก ลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง

                  สำหรับการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย สามารถฉีดได้ตามจุดต่างๆบนใบหน้า ดังนี้

                  1. Botox ลดริ้วรอยรอบดวงตาและใต้ดวงตา บริเวณใต้ตาและหางตาเป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายมากที่สุด ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและไม่สดใส ซึ่งการฉีดโบท็อกจะช่วยให้ริ้วรอยรอบดวงตา รอยตีนกาและริ้วรอยตรงหางตาจางลง  
                  2. Botox ลดริ้วรอยหว่างคิ้ว เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณหว่างคิ้วที่มากจนเกินไปเวลาขมวดคิ้วทำให้เกิดเป็นก้อน และร่องลึกได้ การฉีดโบท็อกบริเวณนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อทำให้ไม่เป็นก้อน และร่องลึกเกิดขึ้น
                  3. Botox ลดริ้วรอยบนหน้าผาก บริเวณหน้าผากมักจะเกิดจากการแสดงอารมณ์และสีหน้า ทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผาก ทำให้ใบหน้าดูแก่ ไม่สดใส การฉีดโบท็อกจะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนหน้าผากได้ ทำให้หน้าผากเรียบตึง
                  รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดริ้วรอย
                  botox wrinkle 01

                  ฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย อยู่ได้นานไหม ใช้ปริมาณแค่ไหน กี่ยูนิต

                  การฉีด Botox ลดริ้วรอย สำหรับริ้วรอยตื้นๆจะเห็นผลใน 2-3 วัน โดยประมาณส่วนริ้วรอยร่องลึกจะเริ่มเห็นผลประมาณ 7-14 วัน โดยปกติแล้วจะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน หากต้องการฉีดซ้ำ ควรเว้นอย่างต่ำประมาณ 3 เดือนและไม่ควรเว้นระยะห่างนานเกิน 5-6 เดือน หรือสามารถฉีดได้ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

                   สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยแต่ละเคสจะใช้ปริมาณแค่ไหน หรือกี่ยูนิตนั้นจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและริ้วรอยของคนไข้แต่ละเคสว่าเหมาะสมกับ Botox ชนิดไหนและจะต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่

                  ฉีดโบท็อก ป้องกันริ้วรอย ได้จริงหรือไม่

                  การฉีด Botox ลดริ้วรอยได้จริง มีส่วนช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ มีรูปลักษณ์ที่ดูดีและสร้างเสริมความมั่นใจ คืนความอ่อนเยาว์ได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันริ้วรอยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ การฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยที่นิยมมากเพราะมีความสะดวกสบาย เห็นผลได้รวดเร็ว ไม่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษก่อนเข้ารับการฉีดและหลังจากการฉีดก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ที่สำคัญราคาสมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย

                  รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดริ้วรอย
                  botox wrinkle 01

                  ราคา ฉีดโบท็อก botox ลดริ้วรอย แพงหรือไม่ เท่าไร

                  การฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย จะต้องพิจารณาจากยี่ห้อของโบท็อกที่เลือกใช้และปริมาณที่ใช้ทั้งหมด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและริ้วรอยของคนไข้แต่ละเคส ดังนั้นราคาจึงขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณที่ใช้ ขอแนะนำให้สอบถามกับทางสถานพยาบาล หรือคลินิกที่ใช้บริการโดยตรง โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5,000-20,000 บาท

                  โบท็อก ลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี

                  allergan box
                  Allergan โบทอกจากประเทศอเมริกา

                  1. Botox Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นยี่ห้อแรกที่คิดค้นสาร Botox ที่ใช้ในการลดเลือนริ้วรอยและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก มีผลการรักษาที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆแต่มีราคาสูงในบรรดาสาร Botox ทั้งหมด

                  nabota box korea
                  NATOTA โบทอกจากประเทศเกาหลี

                  2. Botox จากประเทศเกาหลี เช่น Nabota , Botulax , Aestox , Hugel เป็นต้น เป็นยี่ห้อที่มีราคาสมเหตุสมผลและมีคุณสมบัติคล้ายๆกับ Botox Allergan ซึ่งเป็นที่นิยมจากกระแสรีวิวการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยของศิลปินและดาราเกาหลี เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงง่าย และเห็นผลดี

                  xeomin-box-all
                  Xeomin โบทอกจากประเทศเยอรมัน

                  3. Botox จากประเทศอื่นๆ เช่น Dysport จากประเทศอังกฤษ หรือ Xeomin จากประเทศเยอรมัน โดยมีข้อบ่งชี้ และเหมาะกับในบางกรณี เช่น Xeomin ที่มีค่าความบริสุทธิ์สูงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดื้อ Botox เป็นต้น

                  หากเป็นสาร Botox จากประเทศอเมริกา จะเห็นผลประมาณ 2-3 วันและอยู่ได้นาน 6-8 เดือน มีความปลอดภัย โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกาย อีกทั้งมีเปอร์เซ็นต์ของการดื้อยาน้อยมาก ส่วน Botox ของประเทศเกาหลี และอื่นๆ จะเห็นผลประมาณ 4-5 วันและอยู่ได้นาน 3-6 เดือน มีความปลอดภัยและราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า

                  รีวิวก่อน-หลัง Botox ลดริ้วรอย + ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 cc
                  filler botox review 02

                  วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย

                  1. หลังจากการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย ควรงดนอนราบ 4-6 ชั่วโมงหลังการรักษา
                  2. หลีกเลี่ยงความร้อนที่สัมผัสกับบริเวณที่ฉีด เช่น การเลเซอร์ เข้าซาวน่า นวดหน้า ประคบอุ่น เป็นต้น
                  3. ให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและซับหน้าเบาๆ หลีกเลี่ยงการนวดหน้า หรือการทำทรีทเม้นท์ใบหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
                  4. งดแอลกอฮอล์ และ ออกกำลังกายหนักๆ หลังฉีด 1-2 สัปดาห์

                  สำหรับใครที่สนใจอยากจะลดริ้วรอยโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด ฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในการแก้ไขปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว ขอแนะนำให้เลือกสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีทีมงานมืออาชีพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในการให้บริการ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจะต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่จึงจะมีความเหมาะสมในแต่ละเคส นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังไม่ต้องเสี่ยงต่อการได้รับ Botox ที่เป็นของปลอมและไม่มีคุณภาพอีกด้วยค่ะ

                  ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                  dr ben malika clinic 02

                  Malika Clinic by Dr. Ben คลินิกความงาม ลาดพร้าว วังหิน สามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย แอดไลน์  Line ID: @malikaclinic เพื่อส่งรูปให้หมอเบญประเมินเบื้องต้นก่อนได้เลยค่ะ หมอตอบเองทุกเคสและไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ หรือหากสะดวกสามารถเดินทางมาให้หมอเบญประเมินก่อนฉีดจริงได้ที่คลินิก ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67)

                  before after botox jaw

                  โบท็อก กราม Botox ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล ช่วยเรื่องอะไร รวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับโบท็อกกราม

                  Botox กราม โบท็อก ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล ช่วยเรื่องอะไร รวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับโบท็อกกราม

                  สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวกระชับ สวยงามได้สัดส่วน แพทย์ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทำ Botox กราม ในคนไข้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ แก้มใหญ่ หน้าแบน หรือหน้าบาน เนื่องจากเห็นผลได้ชัดเจนและราคาไม่แพงโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรมใดๆ แต่ไม่ใช่ว่าการฉีดโบท็อกเพื่อลดกรามจะสามารถทำได้ทันทีทันใดเพราะอาจจะเป็นต้นเหตุของความเสี่ยงและอันตรายจากโบท็อกปลอมก็เป็นได้ ในบทความนี้เราจะมาดูข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ Botox กราม รวบรวมทุกเรื่องที่ต้องรู้มาฝากกัน

                  หมอเบญตอบทุกคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Botox กราม ในบทความนี้ค่ะ
                    Add a header to begin generating the table of contents
                    BTA-in-Bangkok woman

                    Botox โบท็อก กราม คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

                    การฉีด Botox กราม คือ การฉีดสาร Botox หรือ Botulinum toxin (Type A) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการหยุดการทำงานของสารสื่อประสาทในกล้ามเนื้อ โดยสาร Botox จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อเกิดการหยุดทำงานแบบชั่วคราว

                     หากนำโบท็อกมาฉีดที่บริเวณกรามจะมีส่วนช่วยให้มัดกล้ามเนื้อคลายตัว อ่อนแรงและหดเล็กลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าดูเรียวขึ้นและเห็นผลชัดเจน ซึ่งสามารถทำการฉีดซ้ำได้เพื่อคงสภาพให้ต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นแต่อย่างใด เรียกได้ว่า Botox กรามจะช่วยแก้ไขปัญหากรามใหญ่ ลดกราม โดยการปรับรูปหน้าให้กระชับ ดูเรียวขึ้น หน้าเรียวเล็กได้สัดส่วนและทำให้กรอบหน้าชัดเจนมีมิติมากขึ้น

                    ใครเหมาะกับการฉีด Botox กรามบ้าง ?

                    ส่วนใหญ่โครงหน้าของคนไทยสามารถใช้การฉีดโบท็อกในการลดกรามได้แบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ดังนั้น Botox กราม จึงเป็นทางเลือกในการปรับรูปหน้าที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม ไม่อยากเป็นแผล หรือไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย หลังจากการฉีดโบท็อกกรามก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เห็นผลชัดเจน ซึ่งแต่ละเคสของผู้ที่ต้องการฉีดโบท็อกกราม จะต้องมีการปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

                    Botox กราม เห็นผลทันทีหรือไม่ กี่วันเห็นผล ?

                    Botox กราม กี่วันเห็นผล โดยปกติแล้วจะเห็นผลภายใน 3 สัปดาห์ กรามจะเริ่มนิ่ม ไม่เด้งและยุบได้ประมาณ 10% โดยจะใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลอย่างเต็มที่ประมาณ 2-3 เดือนขึ้นไป

                    Botox กราม เป็นหัตถการแรกๆที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้ที่อยากปรับรูปหน้าเพราะช่วยลดขนาดกรามให้เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ในบางรายแพทย์ก็ประเมินว่า สามารถทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า (Nefertiti lift) เพื่อให้แนวกรามคมขึ้นร่วมด้วยได้

                    รีวิวก่อน-หลัง Botox กราม Botulax ข้างละ 25 ยูนิต
                    before after botox jaw

                    Botox กราม อยู่ได้นานแค่ไหน

                    Botox กราม อยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้และคุณภาพของยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ ซึ่งหลังจากฉีดโบท็อกลดกรามไปแล้วก็จะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เมื่อฤทธิ์ยาหมดกรามก็จะเริ่มกลับมาแต่ก็สามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆตามคำแนะนำของแพทย์

                    Botox กราม ต้องฉีดกี่ยูนิต ถึงเห็นผล

                    Botox กราม กี่ยูนิตนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพใบหน้าของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณเยอะๆ บางรายถ้ากล้ามเนื้อบริเวณกรามไม่เยอะมาก อาจจะไม่ถึง 100 ยูนิตด้วยซ้ำค่ะ โดยเฉลี่ยจะใช้ประมาณ 25-40 ยูนิตต่อข้าง ซึ่งปริมาณการฉีด ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์รูปหน้า ทำการวางแผนกำหนดจำนวนยูนิตก่อนการเข้ารับการรักษา หากฉีดในจำนวนที่มากเกินไปอาจจะทำให้หน้าตอบ หรืออาจยิ้มไม่สุดได้

                    Botox กราม ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไร?

                    Botox ลดกรามมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น กรรมวิธีและกระบวนการทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิดของ protein complex, ขนาดของ molecule complex และ molecule complex size และความคงทนในการเก็บรักษา แนะนำให้แพทย์เป็นผู้แนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการฉีดจะดีที่สุด

                    ในปัจจุบันมีสาร Botox Type A ใช้กันอย่างแพร่หลายแต่โบท็อกที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย คือ ยี่ห้อ Allergen จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยี่ห้อ Botulax/Aestox/Nabota จากประเทศเกาหลี ยี่ห้อ Dysport จากประเทศอังกฤษและยี่ห้อ Xeomin จากประเทศเยอรมัน

                    xeomin-box-all
                    Xeomin โบทอกจากประเทศเยอรมัน

                    ส่วนมากแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยี่ห้อ Allergen เป็นตัวเลือกที่เห็นผลที่ดีที่สุด ซึ่งให้ผลการรักษาที่แม่นยำและมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โอกาสดื้อยาต่ำ แต่ว่าก็มีราคาแพง ถ้ามองในมุมของตัวเลือกที่มีความคุ้มค่ากับราคาที่ย่อมเยาว์ลงมา แพทย์จะแนะนำยี่ห้อ Botulax/Aestox/Nabota จากประเทศเกาหลี เพราะมีราคาที่ถูกกว่าและให้ผลที่ค่อนข้างใกล้เคียงยี่ห้อ Allergen แตกต่างกันเล็กเพียงน้อยตรงที่ระยะเวลาการเห็นผลและโอกาสในการดื้อยา

                    allergan box
                    Allergan โบทอกจากประเทศอเมริกา

                    ส่วนราคาขอแนะนำให้ทำการปรึกษากับคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ต้องการทำการรักษาโดยตรง หากเป็นคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ราคาจะไม่แตกต่างกับราคามาตรฐานตามท้องตลาดทั่วไป ได้แก่ (ราคาที่แสดงเป็นราคาโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วยนะคะ)

                    • โบท็อกเกาหลี Botulax และ Aestox 100 ยูนิต ราคาประมาณ 5,000-6,000 บาท
                    • โบท็อกเกาหลี Nabota 100 ยูนิต ราคาประมาณ 6,000-7,000 บาท
                    • โบท็อกอเมริกา Allergan 100 ยูนิต ราคาประมาณ 15,000 บาท
                    • โบท็อกอังกฤษ Dysport 300 ยูนิต ราคาประมาณ 13,000 บาท
                    • โบท็อกเยอรมัน Xeomin 100 ยูนิต ราคาประมาณ 15,000 บาท

                    หากราคาโบท็อกมีราคาถูกจนเกินไป อาจจะเป็นความเสี่ยงต่อการได้รับ Botox ที่เป็นของปลอมก็เป็นได้ ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนรับการฉีดด้วยนะคะ

                    nabota box korea
                    NABOTA โบทอกจากประเทศเกาหลี

                    Botox กราม อันตรายไหม วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดโบทอกกราม

                    Botox กราม ไม่มีอันตรายใดๆต่อร่างกาย สาร Botox แท้ๆจะสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้างใดๆ เรียกได้ว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ก่อนฉีดโบท็อกกรามจะต้องมีการเตรียมตัวพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ พร้อมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                    วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบทอกกราม

                    หลังการฉีด Botox กราม ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติโดยเฉพาะอาหารที่มีแร่ธาตุจำพวกซิงก์ 50 mg. ที่มีส่วนช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น ในขณะเดียวกันก็ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อาหารพวกเตาร้อนและมีรสเผ็ดร้อน เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู อาหารหมักดองและงดการสูบบุหรี่

                    ทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับโบท็อกกราม

                    Botox กรามเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหากรามที่มีราคาคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพที่ได้รับ ทั้งนี้หากคุณต้องการทำโบท็อกลดกราม ขอแนะนำให้ติดต่อคลินิก หรือสถานพยาบาลที่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมงานคุณภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อทำการประเมินแผนการรักษาแต่ละเคส รวมทั้งการได้รับโบท็อกที่มีคุณภาพและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย

                    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                    dr ben malika clinic 02

                    หากอ่านมาถึงตรงนี้และมีความสนใจหรือต้องการฉีดโบท็อก กราม สามารถส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินเบื้องต้นก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ แอดไลน์ที่ Line ID: @malikaclinic หรือสามารถสอบถามและขอคำแนะนำได้ที่เบอร์ 095-450-9355 หรือที่ Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญยินดีประเมินเบื้องต้นและให้คำปรึกษาค่ะ

                    Khun Gap Review under eyes filler

                    ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ฉีดกี่ cc แก้ปัญหาใต้ตาให้ถูกจุด

                    ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดกี่ cc แก้ปัญหาใต้ตาให้ถูกจุด

                    ถึงแม้ว่าความจริงฟิลเลอร์จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์แต่ก็ปฏิเสธความจริงไปไม่ได้ว่า ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์ที่จัดจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด นอกจากจะมีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกันแล้ว ฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่างๆก็ยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปด้วย จึงเป็นต้นเหตุของคำถามที่สาวๆต้องการคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่างๆแตกต่างกันอย่างไร? ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี? ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดกี่ cc? หรือฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่? ฯลฯ ในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้แก่สาวๆทุกคน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

                    หมอเบญรวบรวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาตอบในบทความนี้แล้วค่ะ
                      Add a header to begin generating the table of contents
                      Filler ใต้ตา รีวิว หมอเบญ 01

                      วิธีเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่างๆ ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?

                      สำหรับวิธีการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาต่างๆที่เป็นที่นิยม อาจจะพิจารณาได้จากหลายๆปัจจัย ได้แก่

                      1. ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรือ อ.ย. ของประเทศไทย ซึ่งหมายความว่าฟิลเลอร์นั้นจะเป็นฟิลเลอร์ของแท้และฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ
                      2. ควรเลือกฟิลเลอร์ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีประสบการณ์ในการรักษาแนะนำ ร่วมกับการประเมินสภาพผิวหน้าและบริเวณที่ต้องการฉีดของแต่ละเคส
                      3. ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีราคาเป็นมาตรฐาน เทียบเท่ากับราคาทั่วไปในท้องตลาด (ไม่รวมค่าบริการจากสถานพยาบาล) แนะนำให้หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ราคาถูกเพราะอาจจะเป็นฟิลเลอร์ของปลอมและไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย

                      เปรียบเทียบยี่ห้อฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?

                      1. ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Restylane

                      เป็นฟิลเลอร์สารเติมเต็มผิวประเภท HA ที่มีการผลิตยาวนานมากที่สุดในโลก จากบริษัท Galderma ประเทศสวีเดน โดยยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

                      restylane-all-box-product

                      เทคโนโลยีการผลิต เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane ได้แก่ NASHA techology และ OBT technology ซึ่งคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่น คือ เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็ก มีความคงตัวสูง สามารถแทรกซึมลึกเข้าไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างง่ายดายในการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้แลดูตื้นขึ้น รวมถึงการเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อ มีความปลอดภัย ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลายและเหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าส่วนต่างๆของใบหน้าของคนไข้ รุ่นที่เป็นที่นิยม ได้แก่

                      • Restylane Lyft เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา สามารถฉีดใต้ตา ฉีดจมูก หรือทำฟิลเลอร์กระชับรูขุมขนได้ เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษที่มีความคงตัวสูง ไม่ฟู คงรูปได้ดี ย่อยสลายได้เองและฉีดเติมใหม่ได้เรื่อยๆ อยู่ได้นานถึงประมาณ 12 เดือน
                        restylane-Lyft-filler-box
                      • Restylane Vital Light อีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา นิยมใช้ในบริเวณผิวที่มีพื้นที่ใหญ่ๆเพื่อแก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็กๆน้อยๆ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่มีอนุภาคเล็กและมีความนิ่ม เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณใกล้ๆดวงตาเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตา รวมทั้งเติมฟิลเลอร์ริมฝีปาก ซึ่งสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
                        Restylane-Vital-Light-box
                      • Restylane Classic ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกระดับปานกลางจนถึงระดับมากที่สุด เพราะคุณสมบัติพิเศษที่มีเจลอนุภาคใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ จึงเหมาะกับการฉีดริ้วรอยร่องตื้น หรือไม่ลึกมาก เช่น บริเวณร่องแก้ม บริเวณหน้าผากรอยขมวดคิ้ว เป็นต้น โดยปกติแล้วสามารถอยู่ได้คงทนถึง 12 เดือน
                        restylanez-classic_box

                      2. ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm

                      เป็นฟิลเลอร์ที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับผลิตภัณฑ์ Botox Allergan และได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกในการนำมาใช้ปรับรูปหน้า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับโลก ผ่านทั้งการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย
                      เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ได้แก่ เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross Technology ซึ่งมีหลายรุ่นที่ผลิตออกมา แต่ละรุ่นจะมีเนื้อฟิลเลอร์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จึงสามารถเลือกรุ่นที่ต้องการเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาบริเวณส่วนต่างๆบนใบหน้าได้

                      • Juvederm Volift ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีลักษณะเนื้อนิ่ม เนียนละเอียด เหมาะสำหรับคนผิวบาง ส่วนมากนิยมใช้เก็บรายละเอียดและใช้ฉีดลดเลือนริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก เช่น บริเวณใต้ตา ร่องแก้มและร่องมุมปาก ซึ่งให้ผลลัพธ์คงทนประมาณ 12 เดือน
                      • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีลักษณะเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดใหญ่จึงมีความยืดหยุ่นสูง นิยมใช้ในการแก้ไขปัญหาใต้ตา ร่องแก้ม เติมคางและขมับ หากเป็นบริเวณอื่นๆจะต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งอยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
                        Juvederm Voluma box malika clinic
                      • Juvederm Ultra Plus เป็นฟิลเลอร์อีกรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา มีลักษณะเนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกจากความเสื่อมสภาพตามวัย ช่วยฟื้นฟูให้ผิวอิ่ม เนียนนุ่มชุ่มชื่นและอยู่ได้นานถึงประมาณ 12 เดือน
                        juvederm-ultra-plus box

                      3. ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Neuramis

                      เป็นฟิลเลอร์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Medyglobal จากประเทศเกาหลี ซึ่งบริษัทเดียวกับผลิตภัณฑ์ Botox Neuronox ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีราคาย่อมเยาว์ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศอเมริกาและ EDQM กรมควบคุมคุณภาพของยุโรป

                      เทคโนโลยีการผลิตแบบ SHAPE Technology ช่วยสร้างการ Cross-linking และทำให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ การเติมเต็มชั้นในผิวบริเวณส่วนต่างๆของใบหน้าได้ทุกจุด ไม่จับตัวเป็นก้อนและเห็นผลภายในครั้งแรกที่ฉีดโดยไม่ก่อให้เกิดอาการปวด บวม หรือระคายเคือง

                      • Neuramis Deep ฟิลเลอร์แบบไม่ผสมยาชา ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่ผ่านเกณฑ์ขององค์การอาหารและยาของประเทศไทย ทำให้มีข้อจำกัดในการใช้แต่ก็เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม ขมับและคาง ไม่นิยมใช้ฉีดบริเวณใต้ตาเพราะอาจจะจับตัวเป็นก้อนได้ ซึ่ง Neuramis deep จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
                        Neuramis deep box malika clinic

                      ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่?

                      ขอแนะนำให้สอบถามคลินิก หรือสถานพยาบาลที่คุณเลือกใช้บริการเพราะอาจจะมีราคาที่แตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละที่ด้วยค่ะ

                      ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดกี่ CC?

                      เนื่องจากแต่ละคนจะมีปัญหาและโครงสร้างของใบหน้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการรักษา นอกจากนี้การเลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานมืออาชีพจะช่วยแนะนำการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ มีความเหมาะกับบริเวณที่ต้องการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งการได้ฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดีอีกด้วย โดยในบางคลินิกสามารถส่งรูปถ่ายไปให้คุณหมอประเมินก่อนเข้าพบจริง เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วยค่ะ

                      รีวิวก่อนทำ-หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
                      Khun Gap Review under eyes filler
                      ดูรีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาฉบับวิดิโอ

                      หากผู้อ่านท่านใดที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินเบื้องต้นก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 095-450-9355, Line ID: @malikaclinic หรือที่ Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญยินดีให้คำปรึกษาค่ะ