Filler

lump filler

ปัญหา ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

ปัญหา ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

ปัญหากวนใจของผู้หญิงอีกหนึ่งอย่างที่จะมองข้ามไปไม่ได้ นั่นคือ ปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาบวม ขอบตาดำ ตาลึก ตาโหล ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ แก่เกินวัย ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า ไม่สดใส ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหา แต่ทว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็สามารถเกิดภาวะฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือเป็นไต ๆ ได้ ในบทความนี้เรามาเรียนรู้กันดีกว่าว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร? แก้ปัญหาเรื่องไหน? หากฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? จะแก้ไขอย่างไร? พร้อมแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา ฉีดที่ไหนดี? ติดตามได้ในบทความนี้เลย!​
สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์เป็นก้อน
    Add a header to begin generating the table of contents

    ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือสาร “HA” เข้าไปในผิวหนัง บริเวณรอบดวงตาที่มีปัญหา เพื่อเติมเต็มและแก้ปัญหาถุงใต้ตา หรือริ้วรอยรอบดวงตาที่เกิดขึ้นจากการที่กระดูกใต้ตายุบตัวลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ใบหน้ากลับมาสดใส แลดูอ่อนเยาว์อีกครั้งโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรมและให้ผลลัพธ์ชัดเจนได้แบบทันที
    Filler under eye

    ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้สารสังเคราะห์ประเภทโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับสารในร่างกายของมนุษย์ในการเติมเต็มบริเวณกระดูกเบ้าตาที่มีการยุบตัวลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น พันธุกรรม เป็นภูมิแพ้ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ดวงตาอย่างไม่เหมาะสม เพื่อลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาดำคล้ำ รวมทั้งการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกใต้ตาเพื่อให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

    ทำไมถึงฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน?

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

    1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณที่มากจนเกินไป เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับตัวจึงดันให้ฟิลเลอร์ก่อตัวขึ้นเป็นก้อน เมื่อเป็นก้อนบ่อยครั้งขึ้นก็มีการเคลื่อนตัวมาในบริเวณที่เห็นชัดเจนได้มากขึ้น
    2. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดตำแหน่ง ตื้นเกินไป เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับตัวจึงทำให้เห็นเป็นก้อนชัดเจน
    3. ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
    4. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะบริเวณที่เกิดปัญหา เนื้อของฟิลเลอร์แต่ละประเภทจะมีโมเลกุล การจับตัวเป็นก้อน มีการคงตัว ความยืดหยุ่นและมีอัตราการอุ้มน้ำที่แตกต่างกัน จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์ที่ฉีดไปดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูบวม ๆ และเป็นก้อน ๆ ได้
    5. ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คนไข้บางรายผิวบางอาจทำให้เกิดเงา หรืออาการบวมที่จะค่อย ๆ หายไปเองได้
    Filler under eye

    เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน จะแก้ได้อย่างไร?

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน ทำยังไงดี?

    1. เมื่อแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ถูกต้องตามตำแหน่ง มีการเลือกประเภทของฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะต้องมีความแข็งแรงมากพอที่จะคงฟิลเลอร์ใต้ตาเอาไว้ตามตำแหน่ง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวและก่อตัวเป็นก้อน
    2. หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน จะต้องทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา โดยใช้ Hyaluronidase ทำการละลายเอาฟิลเลอร์ส่วนเกินออก
    3. หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแต่ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ซึ่งในกรณีนี้ อาจเกิดขึ้นเนื่องจากมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอม สารเติมเต็มปลอม ซิลิโคน หรือไขมันเทียมฉีดแทนฟิลเลอร์แท้ให้ จะต้องใช้การเจาะระบาย หรือการผ่าตัดแผลเล็ก ๆ เพื่อนำสารเหล่านั้นออกมา แผลจึงจะยุบลงเป็นปกติ

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ มักนิยมใช้ยี่ห้อ Restylane, Juvederm และ Belotero เนื่องจากมีความคงรูปสูง แต่ไม่อุ้มน้ำมากจนเกินไป จึงทำให้ไม่เกิดอาการบวม หรือเป็นก้อนได้ง่าย แต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีที่ใช้ต่างกัน เช่น

    • Restylane ใช้เทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะอย่าง NASHA และ OBT Technology ทำให้โมเลกุลมีความละเอียด เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลายและอุ้มน้ำได้พอดี เช่น รุ่น Classic, Defyne, Vital, Vital Light, Perlane Lyft
    • Juvederm มีเทคโนโลยี Crosslink อย่าง Vycross และ Hylacross ซึ่งสลายตัวได้ช้า ให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็ก เชื่อมต่อกันและคงตัวได้ดี ช่วยยกกระชับผิวและดูเป็นธรรมชาติ เช่น รุ่น Voluma, Volite, Volux

      Belotero ใช้เทคโนโลยี CPM Technology ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถก่อตัวได้ดีแต่ไม่จับตัวเป็นก้อน เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตาและเติมเต็มได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น รุ่น Volume, Soft 

    เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี?

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขอแนะนำให้ฉีดในคลินิก หรือสถานบริการที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากจะต้องอาศัยเทคนิคในการฉีด ความแม่นยำในตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณและประเภทของยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาและความปลอดภัย รวมทั้งการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ได้รับการรับรองและไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยคุณสามารถตรวจสอบได้จากรีวิวเคสการรักษา ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ค้นพบกับคลินิกที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้คุณได้อย่างตรงใจและมีความปลอดภัยมากที่สุด

    สรุปการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

    การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ดำคล้ำ หรือช่วยเติมเต็มบริเวณรอบดวงตาให้กลับมาดูสดใสและดูอ่อนเยาว์ได้แบบทันใจ โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรมแต่อย่างใด โดยจะใช้จำนวนกี่ซีซีนั้น ต้องมีการปรึกษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะทาง เนื่องจากจะต้องมีการคำนึงถึงความปลอดภัย รวมทั้งเทคนิคต่าง ๆ ในการฉีดเพื่อป้องกันปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ๆ หรือดูไม่เป็นธรรมชาติได้ ใครที่อยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินแผนการรักษาตามปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคลได้เลยที่นี่!
    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
    dr ben malika clinic 02
    Meso_Rejuran1

    รู้จักกับ Rejuran Healer คือ Rejuran ราคา เท่าไร พร้อมดูรีวิว

    รู้จักกับ Rejuran Healer คือ Rejuran ราคา เท่าไร พร้อมดูรีวิว

    ปัจจุบันนี้หนุ่มสาวมากมายหันมาใส่ใจกับสุขภาพผิวกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการมีผิวหน้าที่ดูสุขภาพดี ผิวเรียบเนียน และดูฉ่ำน้ำตลอดเวลา นวัตกรรมทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นไปมากจึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมคนสมัยนี้จึงดูมีผิวหน้าที่กระจ่างใสและดูสุขภาพดี Rejuran จัดเป็นสารกลุ่มเมโสตัวที่ดูแลให้ผิวหน้าดูขาวใสขึ้นนั่นเอง
    สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ขมับ
      Add a header to begin generating the table of contents

      Rejuran คืออะไร?

      Rejuran หรือ Rejuran healer คือสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ (Skin Rejuvenation Booster) ซึ่งเป็นการสกัดเอาสารในกลุ่ม Polynucleotide มาจากแซลมอนธรรมชาติ (Wild Salmon) ซึ่งสารกลุ่ม Polynucleotide นี้คือโครงสร้างหน่วยย่อยของ DNA ซึ่ง DNA ของแซลมอนและมนุษย์มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการสกัดเอาสารกลุ่มนี้มาใช้ทำให้การใช้ Rejuran สามารถกลืนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย พร้อมซึมเข้าไปซ่อมแซมชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
      Meso_Rejuran1

      Rejuran มีกระบวนการทำงานอย่างไร

      อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า Rejuran เป็นสารกลุ่ม Polynucleotide ที่มีโครงสร้างคล้าย DNA เมื่อฉีด Rejuran เข้าสู่บริเวณใบหน้าของเราแล้วจะช่วยให้เซลล์ผิวเกิดการถูกกระตุ้นใหม่อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากมีการหลั่งโกร์ท แฟคเตอร์ ซึ่งมีผลต่อการทำงานของไฟโบบลาสต์ นอกจากนี้ Rejuran ยังควบคุมการหลั่งสารไซโตไคม์ที่มีผลต่อกระบวนการต้านการอักเสบ อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอย เนื่องจากการหลั่งสารในกลุ่ม VEGF ที่ช่วยให้ขับของเสียจากผิวหนังได้ดีขึ้นนั่นเอง

      Rejuran ช่วยแก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง

      ข้อดีของการฉีด Rejuran นั้นมีค่อนข้างมากโดยเน้นไปที่การฟื้นฟูสุขภาพผิวหน้า ซึ่งการฉีดสารเมโสตัวนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการให้ใบหน้ามีความกระจ่างใส กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยบนใบหน้า และที่สำคัญคือผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างเร่งด่วนนั่นเอง โดยเราได้รวบรวมข้อดีของ Rejuran มาไว้แล้วดังนี้:

      • ปรับสภาพสีผิว : สิ่งแรกที่เห็นได้ค่อนข้างชัดก็คือความกระจ่างใสของสีผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยลดรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิว ตลอดจนเพิ่มความฉ่ำน้ำให้กับผิวอีกด้วย
      • ฟื้นฟูเซลล์ผิว : เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลยก็ว่าได้ คุณประโยชน์ของสาร Polynucleotide จากแซลมอนสามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดการสร้างตัวขึ้นมาใหม่ ลดเรือนริ้วรอย และรูขุมขน
      • เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว : เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว โดยส่งผลให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลดีต่อริ้วรอยนั่นเอง
      Meso_Rejuran1

      Rejuran ราคา เท่าไร

      Rejuran Healer จะนิยมฉีดกันประมาณคนละ 2-4 ml ซึ่ง Rejuran ราคาต่อหลอดจะเริ่มต้นที่ 9,000 บาท ซึ่งหนึ่งหลอดจะบรรจุที่ 2 ml นั่นเองค่ะ

      Rejuran ต้องฉีดกี่ครั้งจึงเห็นผล

      ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะแนะนำให้มีการฉีดทั้งหมดอยู่ที่ปีละ 3-4 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 2-3 สัปดาห์ออกไปดังนี้

      • ฉีดครั้งที่ 1 : ในการฉีดครั้งแรกภายในระยะเวลา 3-5 วันจะเริ่มสังเกตและรู้สึกว่าผิวนุ่มและเรียบเนียน
      • ฉีดครั้งที่ 2 : หลังฉีดแล้วจะเริ่มรู้สึกว่ารูขุมขนกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดลง
      • ฉีดครั้งที่ 3 : ผิวเริ่มแข็งแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากฉีด
      • ฉีดครั้งที่ 4 : ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง ผิวแข็งแรง

      rejuran สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

      ผู้ที่เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาผิวแห้งกร้าน หย่อนคล้อย รู้สึกถึงความไม่สม่ำเสมอ และใบหน้าดูไม่สดชื่น! การฉีด Rejuran จึงเป็นวิธีการรักษาซึ่งมุ่งเน้นไปยังบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู เติมเต็ม หรือลดริ้วรอยให้จางลง บริเวณผิวหน้าและผิวช่วงลำคอจึงเป็นพื้นที่ยอดนิยมที่มักทำการฉีด Rejuran เป็นประจำ

      • ผิวหน้า: สามารถฉีดกระจายได้ทั่วทั้งใบหน้า หรือฉีดตามจุดที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เช่น หน้าผาก, หางตา, ใต้ตา, ร่องแก้ม หรือช่วงคางที่มีริ้วรอย
      • ผิวลำคอ: ผู้ที่มีอายุราวๆ 30-40 มักประสบปัญหาผิวช่วงลำคอหย่อนคล้อย รีจูรัน จึงนิยมใช้เพื่อการเติมเต็มคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยให้บริเวณนี้มีความอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น

      เปรียบเทียบการรักษาหลุมสิวด้วยอย่างอื่น

      อย่างที่เข้าใจกันดี Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่นอกจากจะเพิ่มคอลลาเจนให้กับชั้นผิวแล้ว ยังสามารถกระชับรูขุมขนที่เกิดจากปัญหาหลุมสิวได้อีกด้วย ภายใต้การดูแลของ Rejuran S หลุมสิว ที่ปัจจุบันได้รับการรองรับจาก อย. ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

      โดยการรักษาหลุมสิวในปัจจุบัน อาจเป็นไปได้ทั้งรูปแบบของการเลเซอร์ (Laser), การใช้กรดเพื่อลอกผิว, การใช้ยาอนุพันธ์วิตามินเอ (กรดวิตามินเอ) และวิธีการผาตัด

      เพราะหลุมสิว (Atrophic Scars) คือ ริ้วรอยที่เกิดจากการอักเสบของสิว เช่น สิวอักเสบ, สิวหนอง หรือสิวหัวช้าง ที่รอยแผลไม่สามารถสมานกันได้อย่างเต็มที่ จากผังผืดที่รั้งบริเวณผิวชั้นนอกจนยุบลงไป ซึ่งการใช้ Rejuran จะช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ คอลลาเลนที่เพิ่มขึ้นจะจัดเรียงตัวใหม่ อีกทั้งยังได้รับการฟื้นฟูของเซลล์ผิวที่จะเห็นผลได้ชัดในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน

      วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด rejuran

      ภายหลังจากการฉีด คุณอาจพบตุ่มนูนขึ้นบริเวณโดยรอบจุดที่ทำการฉีด ซึ่งมักจะใช้เวลา 3-24 ชั่วโมงก่อนที่ตุ่มดังกล่าวจะเริ่มจางไป โดยผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องนอนพักหรือรับยาใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้นำเสนอวิธีการดูแลตัวเองภายหลังจากการฉีด ดังนี้

      • ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน เพื่อดื่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
      • พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงลดการสูบบุรี่ อันเป็นสาเหตุของการเสียความชุ่มชื้นและส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ
      • ในบางราย อาจพอรอยแดงรอยช้ำที่เกิดจากการใช้เข็มในบริเวณที่ฉีด เบื้องต้นสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการช้ำได้
      • หากพบอาการปวดบวมในบริเวณที่ฉีด สามารถทานยาแก้ปวดตามอาการได้
      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
      dr ben malika clinic 02

      ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

      filler temples 01

      ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปรับรูปหน้า สวย เฉี่ยว แบบไม่ต้องผ่าตัด

      ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ปรับรูปหน้า สวย เฉี่ยว แบบไม่ต้องผ่าตัด!

      สำหรับคนที่มีปัญหาขมับยุบ ขมับตอบ อาจรู้สึกหนักใจเพราะใบหน้าไม่สมส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีโหนกแก้มเด่นชัดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดูมีอายุมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันสามารถทำการแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้าให้สวย เฉี่ยว อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มขมับส่วนที่ยุบไปให้มีความสมส่วน และปรับโหงวเฮ้งเสริมบุคลิกภาพได้ด้วย ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกกับเรื่องของฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร? แก้ปัญหาเรื่องไหน? ฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี? รวมทั้งข้อดี ข้อเสีย รีวิวและวิธีการดูแลตัวเองหลังจากเข้ารับการรักษา ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่!
      สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ขมับ
        Add a header to begin generating the table of contents

        ฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับ คือ การใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด หรือ HA เข้าไปบริเวณขมับ เพื่อฟื้นฟูผิวบริเวณขมับให้ดูเต็ม อิ่ม ฟูมากขึ้น ส่งผลให้โหนกแก้มที่เด่นชัดมีความสมดุลกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น ช่วยปรับลุคให้หน้าดูหวาน ละมุน ปรับโหงวเฮ้ง และเสริมความมั่นใจได้ด้วย นอกจากนี้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปในใบหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสตินใต้ผิวหนัง ให้ผิวดูเต่งตึง มีน้ำมีนวล อ่อนเยาว์ แลดูสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน
        filler temples 01

        ฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาเรื่องใด? เหมาะกับใครบ้าง?

        การที่ขมับตอบ ขมับบุ๋ม หรือขมับยุบ อาจมีสาเหตุมาจากโครงสร้างของกระดูกศีรษะ อาจเกิดการฝ่อตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมันบริเวณนั้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับจึงช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้รูปหน้ามีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เชื่อเรื่องการมีโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดี หน้าผากกว้าง ขมับเต็มจะร่ำรวย เป็นเศรษฐี นอกจากนี้ก็ยังเหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มสูง ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วน พอดีกับหน้า หรือคนมีอายุ ช่วยขับให้หน้าดูอ่อนเยาว์ มีน้ำมีนวล เต่งตึง และยกกระชับ

        ฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี?

        ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดขมับ ยี่ห้อไหนดีที่สุด? ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของเนื้อฟิลเลอร์ และปริมาณ CC ที่ต้องการฉีดจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ คุณอาจต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับคุณได้

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm รุ่น Voluma และรุ่น Volift
          ฟิลเลอร์สัญชาติ USA ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross มีลักษณะเป็นเจลเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง โมเลกุลใหญ่ และหนาแน่นสูง ง่ายต่อการปั้นขึ้นรูป ให้ผลลัพธ์ในเรื่องของความนวลเนียน ดูธรรมชาติ ทั้ง 2 รุ่น เหมาะกับการฉีดเติมขมับ และอยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane รุ่น Lyft, รุ่น Defyne และรุ่น Volyme
          ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนที่ใช้เทคโนโลยี NASHA และเทคโนโลยี OBT ทั้ง 3 รุ่นมีลักษณะเป็นเจลเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง โมเลกุลใหญ่ มีความคงตัวสูง และคงรูปได้ดี ช่วยเติมเต็มผิวบริเวณใบหน้าให้อิ่มฟู ยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณขมับที่เป็นแอ่งเว้า ไม่สวยงาม โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 12 – 18 เดือน

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis รุ่น Deep
          ฟิลเลอร์น้องใหม่จากประเทศเกาหลีที่ใช้เทคโนโลยี SHAPE ในการสร้าง Cross-linking เพิ่มมิติของเส้นใยบนใบหน้า ทำให้มีความยืดหยุ่น และสามารถเติมเต็มผิวบริเวณขมับให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 – 12 เดือน แต่ก็มีราคาย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่น ๆ

        • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ E.P.T.Q รุ่น S500
          ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีอีกยี่ห้อที่ได้รับความนิยม มักใช้แก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าที่เห็นผลได้ชัดเจนทันที เป็นเนื้อเจลที่มีความหนืดสูง ยืดหยุ่นได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นาน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยทั้ง 3 รุ่นจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์ EPTQ ในการเติมเต็ม ฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาหนักมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณขมับ ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 12 – 24 เดือน

        ฟิลเลอร์ขมับควรฉีดกี่ cc?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้กี่ CC ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากความลึกของขมับ สภาพผิวของคนไข้ และยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยปกติแล้วจะใช้ประมาณข้างละ 1 – 2 ซีซีเท่านั้น

        ข้อดี ข้อเสีย ของฟิลเลอร์ขมับ

        • ข้อดี: การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วน ช่วยเติมเต็มส่วนที่เว้าแหว่งให้ดูเต็ม ปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น ผิวพรรณก็ดีขึ้น และช่วยเสริมความมั่นใจได้เป็นอย่างดี การฉีดฟิลเลอร์ขมับสามารถทำได้ทันที รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจนหลังจากเข้ารับการรักษา โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม หรือพักฟื้นแต่อย่างใด
        • ข้อเสีย: บริเวณขมับเป็นจุดที่อันตรายเพราะมีเส้นเลือด และเส้นประสาทอยู่จำนวนมาก หากรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์เสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการแพ้จากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม รอยช้ำ บวม แดง อาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นก้อนนูนได้ เป็นต้น

        ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน?

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ซึ่งฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายตัวตามธรรมชาติ และสามารถเข้าไปเติมฟิลเลอร์ขมับได้ตามคำแนะนำของแพทย์

        ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

        • หลังการฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมงแรก งดการนอนราบ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
        • หลังการฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมง งดการแต่งหน้า การใช้ครีมบำรุงใบหน้า การถู นวด แคะ แกะ เกา การสัมผัสความร้อน หรือการเลเซอร์ และห้ามออกกำลังกายโดยเด็ดขาด
        • พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำเยอะ ๆ งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
        • หากมีอาการผิดปกติให้รีบทำการปรึกษา หรือไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
        • หากต้องการประคบเย็น หรือรับประทานยา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด

        สรุปฟิลเลอร์ขมับ

        การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ช่วยเติมเต็มส่วนของใบหน้าให้ดูดี สมส่วน และเป็นรูปสวยงามตามความต้องการได้ โดยต้องอาศัยทักษะ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ชำนาญการ ในการรักษาด้วยหัตถการนี้ เนื่องจากบริเวณขมับเป็นบริเวณที่บอบบาง มีเส้นเลือด และเส้นประสาทอยู่จำนวนมาก หากรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจสาเหตุของความเสี่ยงต่ออันตราย หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนั้น การเลือกสถานบริการที่มีมาตรฐานก็มีส่วนสำคัญ เพราะจะต้องมีการนำเข้าฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ และมีมาตรฐาน หากมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และเสียเงินโดยใช่เหตุได้
        ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
        dr ben malika clinic 02

        ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

        eptq filler 02

        รู้จักกับ E.P.T.Q Filler น้องใหม่จากเกาหลี E.P.T.Q Filler ดีไหม พร้อมรีวิว

        รู้จักกับ E.P.T.Q Filler น้องใหม่จากเกาหลี E.P.T.Q Filler ดีไหม พร้อมรีวิว

        การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มผิว ประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือสาร “HA” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ประเภทโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับสารธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ เพื่อช่วยในการเติมเต็มผิวและแก้ไขปัญหาผิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือต้องการเติมเต็มแก้ไขจุดบกพร่องของใบหน้า ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะมีความปลอดภัยสูง สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องทำศัลยกรรม ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นและเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว ในบทความนี้ เราได้รวบรวมข้อมูลเบื้องลึกของฟิลเลอร์น้องใหม่อย่าง E.P.T.Q Filler คืออะไร? ดีไหม? มีรุ่นไหนบ้าง? ราคาเท่าไหร่? แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร? ถ้าอยากรู้จักแล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

        สารบัญบทความเรื่อง E.P.T.Q
          Add a header to begin generating the table of contents

          E.P.T.Q Filler คือ อะไร? อักษรแต่ละตัว ย่อมาจากอะไร?

          E.P.T.Q Filler คือ ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ประเภทกรดไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) แบบฉีดชนิดชั่วคราว พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Jetema จากประเทศเกาหลี ในปี 2020 ใช้สำหรับการลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น แก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติและเห็นผลได้ชัดเจนในทันที โดยได้รับการรับรองเป็นชีววัสดุทางการแพทย์ และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาในประเทศเกาหลี และประเทศไทย

          E.P.T.Q Filler มาจากคำว่า ‘Exquisite’ และ ‘Technique’ รวมเข้าไว้ด้วยกัน นั่นหมายถึง เทคนิคที่พัฒนาออกมาอย่างประณีต ซึ่งประกอบไปด้วย

          E: Efficiency ปริมาณความเข้มข้นของสาร HA ทุกรุ่น เท่ากับ 24 มิลลิกรัม/ มิลลิลิตรที่มีโครงสร้างของโมเลกุลเป็นแบบ HIVE หรือรวงผึ้ง ทำให้ฟิลเลอร์มีความหนาแน่นสูงและยืดหยุ่นได้ดี

          P: Potential ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ ZEEP technology คือ Zero Endotoxin น้อยกว่า 0.1 EU/มิลลิลิตร และ BDDE Entire Process ไม่พบสารตกค้าง BDDE ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง จึงมีความปลอดภัยสูง

          T: Technology ใช้เทคโนโลยีการผลิต Downing process ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็ก ร่วมกับเทคโนโลยีแบบ 2CM จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของโมเลกุล HA ให้แน่น ยืดหยุ่นและอยู่ได้นาน

          Q: Quality ควบคุมคุณภาพการผลิตด้วย “The 9 Process” ตามมาตรฐาน EP (European Pharmacopoeia)

          eptq filler

          E.P.T.Q Filler มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร? ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

          E.P.T.Q Filler จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 7 รุ่น คือ S100, S300 และ S500 ทั้งแบบที่มีและไม่มียาชา (Lidocaine), eve X แต่ว่าที่ผ่าน อ.ย. ไทยทั้งหมดมี 3 รุ่น โดยแต่ละรุ่น คือ S100, S300 และ S500 (ทุกรุ่นมีส่วนผสมของยาชา) ซึ่งได้รับการพัฒนาสาร HA เป็นแบบ Cross-linked ที่มีความบริสุทธิ์สูง มีข้อแตกต่างและใช้ฉีดบริเวณต่าง ๆ ดังนี้

          1. S100
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด นิ่ม บางเบาแต่ยังคงมีความหนืดสูงและยืดหยุ่นได้ดี ง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ เช่น บริเวณหน้าผาก บริเวณขมับ เติมเต็มใต้ตา ลดรอยตีนกา ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบปากและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากได้

          2. S300
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป ยังคงมีความหนืดสูงแต่ก็ยืดหยุ่นได้ดี ความหนืดของเนื้อฟิลเลอร์จะช่วยคงโครงสร้างและทำให้อยู่ได้นาน เหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็มรูปหน้า แนวกรามและริมฝีปาก รวมทั้งการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกถึงปานกลาง เช่น ฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ แก้ไขปัญหาแก้มตอบ ลดเลือนริ้วรอยร่องจมูก ร่องแก้มและปาก เป็นต้น

          3. S500
            เป็นฟิลเลอร์เนื้อหนา แน่น ความหนืดสูงและยืดหยุ่นได้ดี สามารถฟื้นฟูบริเวณผิวที่มีปัญหาหนักมาก ๆ และเพิ่มความแข็งแกร่ง เหมาะสำหรับการสร้างความเปลี่ยนแปลงของเค้าโครงใบหน้า เช่น แนวกระดูกกราม สันจมูก คาง โหนกแก้ม ลิฟกรอบหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกได้เป็นอย่างดี เช่น รอยย่นที่ลำคอ รอยย่นบนหน้าผาก ร่องใต้ตาลึก ริ้วรอยรอบดวงตาและริมฝีปาก เป็นต้น

             

          E.P.T.Q Filler ดีไหม? สู้ฟิลเลอร์เกาหลียี่ห้ออื่นได้หรือไม่?

          E.P.T.Q Filler ดีไหม? E.P.T.Q Filler ถึงแม้ว่าจะเป็นเจลที่มีความหนืดสูง แต่เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นได้ดี ซึ่งทำให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นานและให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเข้ากับผิวได้ดี ไม่เป็นไต ๆ หลังจากการฉีด นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ถ้าถามว่าสู้ฟิลเลอร์เกาหลียี่ห้ออื่นได้หรือไม่?​ ถือว่าดีกว่าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าฟิลเลอร์ E.P.T.Q ที่ผ่าน อ.ย. ของไทย ผสมยาชามาให้แล้ว ดังนั้นเวลาฉีดลงบนใบหน้า หรือบนผิวแล้วไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ดีข้อหนึ่ง

          E.P.T.Q Filler มีจุดเด่นที่ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร?

          E.P.T.Q Filler มีการควบคุมคุณภาพการผลิตด้วย “The 9 Process” นั่นคือ มีระบบการจัดการความปลอดภัยของวัตถุดิบในกระบวนการผลิต (Safe Raw Material) และควบคุมสภาพแวดล้อมในการผลิตให้ปลอดภัย โดยใช้สารตั้งต้น HA ที่มีความเข้มข้นและมีความบริสุทธิ์สูง รวมทั้งพัฒนาให้เนื้อเจลมีความเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน (Monophasic) และมีความหนืดสูง ซึ่งมีผลในการช่วยยกกระชับและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ดี โดยที่ไม่มีสารตกค้างที่ทำให้เกิดอาการแพ้ (BDDE) และ Endotoxin ที่ทำให้เกิดอาการบวมหลังจากการรักษาให้น้อยกว่า 0.1 EU/ มิลลิลิตร นอกจากนี้ยังช่วยลดความเจ็บปวดในการรักษาด้วยการสร้างค่า pH และแรงดันออสโมติกที่คล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์อีกด้วย ดังนั้นจุดโดดเด่นโดยรวม ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีทั้งความปลอดภัย มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ

          eptq before after 004

          E.P.T.Q Filler ราคา เท่าไร?

          E.P.T.Q Filler ราคาขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละเคสแตกต่างกันไป โดยราคาเริ่มต้น CC ละ 8,000 – 13,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและสถานบริการที่เลือกใช้ หากต้องการทราบราคาที่แน่นอนควรพบแพทย์เพื่อทำการประเมินการรักษาตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

          E.P.T.Q Filler อยู่ได้นานแค่ไหน?

          E.P.T.Q Filler อยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้และการดูแลร่างกายของแต่ละบุคคล

          ดูรีวิว E.P.T.Q Filler

          ไปดูรีวิวของผู้ที่เข้ารับการรักษาจริง โดยใช้ E.P.T.Q Filler ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดไหน? ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

          วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

          1. งดการจับ นวด คลึง แคะ แกะ เกาในบริเวณที่ฉีด อาจเป็นสาเหตุทำให้ตัวยาเคลื่อนผิดตำแหน่งได้
          2. งดการแต่งหน้า ทาครีมบำรุง ทำเลเซอร์ หรือทรีทเม้นท์ หลังจากการรักษาประมาณ 1-2 วัน
          3. อาจมีอาการบวมแดงเกิดขึ้นแต่จะค่อยๆหายไปเองภายใน 1-2 วัน ถ้าหากมีอาการผิดปกติหลังจากการรักษา ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที
          4. หลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้บริเวณที่รักษาโดนความร้อนทุกประเภท
          5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่
          6. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่ม ฟูและดูเป็นธรรมชาติ

          สรุปฟิลเลอร์ E.P.T.Q Filler

          การฉีด E.P.T.Q Filler ถึงแม้ว่าจะมีความปลอดภัยสูงในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์เอง แต่ว่าการเข้ารับการรักษาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เทคนิคในการฉีดเข้าตามระดับความลึกของผิว หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น อาการบวม แดง อักเสบ หรือเจ็บปวดเกิดขึ้น เสียเงินและเสียเวลา แถมการรักษาก็ไม่มีประสิทธิภาพด้วย

          นอกจากนี้สถานบริการที่เลือกใช้ก็ควรมีมาตรฐาน ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งฟิลเลอร์ที่นำเข้ามาว่ามีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานที่ดีหรือไม่ หากราคาในการฉีดฟิลเลอร์ถูกจนเกินไป อาจเสี่ยงต่อการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่มีมาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อ หรือเกิดความสูญเสียด้านอื่นๆได้ ดังนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์ในสถานบริการที่มีมาตรฐานและอยู่ภายใต้การรักษาของแพทย์ที่มีประสบการณ์มีความสำคัญมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและทำให้การรักษาตอบโจทย์ของคุณมากยิ่งขึ้นด้วย

          ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
          dr ben malika clinic 02

          ตอนนี้ที่ Malika Clinic by Dr. Ben ได้นำเข้า E.P.T.Q Filler มาเพื่อให้บริการลูกค้าโดยเป็นตัวแทนของบริษัทอย่างถูกต้อง หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมหรือโปรโมชั่นพิเศษ สามารถติดต่อเข้ามาที่คลินิก หรือแชตไลน์คุยกับหมอเบญได้เลยค่ะ

          Juvederm all box model

          รู้จักกับ Juvederm filler พร้อมข้อแตกต่าง 3 รุ่นยอดนิยม Juvederm volux, Juvederm voluma, Juvederm volite

          รู้จักกับ Juvederm filler พร้อมข้อแตกต่าง 3 รุ่นยอดนิยม Juvederm volux, Juvederm voluma, Juvederm volite

          ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อฟิลเลอร์ “ยี่ห้อจูวีเดิม” หรือ “Juvederm Filler” กันมาบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและแพทย์ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ผู้เข้ารับการรักษาเลือกใช้ด้วย แต่จริงๆแล้ว Juvederm filler มีหลายรุ่นแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จัก 3 รุ่นยอดนิยมของ Juvederm filler ได้แก่ Juvederm volux, Juvederm voluma และ Juvederm volite จะมีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ติดตามและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย

          สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ Juvederm
            Add a header to begin generating the table of contents

            Juvederm filler คือ อะไร ดีไหม?

            Juvederm filler คือ ฟิลเลอร์สารประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด สัญชาติอเมริกาที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand ถือว่าเป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย นิยมนำมาใช้ในการฉีดแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ รวมทั้งการปรับรูปใบหน้าให้สวยงามสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องทำการศัลยกรรมผ่าตัดหรือพักฟื้นใดๆ

            ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นต่างๆ
            Juvederm all box model

            Juvederm filler ต่างกับยี่ห้ออื่นอย่างไร

            ฟิลเลอร์ juvederm ได้รับการออกแบบมาให้มีส่วนผสมของยาชาอยู่ในฟิลเลอร์ ด้วยเทคโนโลยีการผลิต Vycross Technology และ Hylacross Technology ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Allergan จึงทำให้ Juvederm filler มีความโดดเด่นในเรื่องโมเลกุลของฟิลเลอร์ ซึ่งสามารถยึดเกาะกับผิวได้ดี เนื้อเจลสัมผัสนิ่ม เหมาะกับการยกกระชับผิวและการเติมเต็มผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถแก้ปัญหาได้เกือบทุกบริเวณและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมาก นอกจากนี้หลังฉีดแล้วทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้น้อยมากเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ

            Juvederm filler รุ่นยอดนิยม Juvederm volux, Juvederm voluma, Juvederm volite ต่างกันอย่างไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง

            ถึงแม้ว่า Juvederm filler จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีชื่อเสียงและมีความปลอดภัยสูง แต่ฟิลเลอร์ที่ถูกผลิตออกมาหลายๆรุ่นนั้น ต่างก็มีขั้นตอนการผลิตและคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนที่สามารถฉีดได้ทุกจุดบนใบหน้าและให้ผลลัพธ์ได้ตามที่ใจต้องการ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์จึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับปัญหาของใบหน้าและบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละคน โดยมีแพทย์เป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาร่วมด้วย

            - Juvederm volux

            ฟิลเลอร์ Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์รุ่นล่าสุดที่ได้ทำการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Vycross Technology มีคุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความหนาแน่นสูงสามารถปั้นขึ้นรูปได้สวยและง่าย อีกทั้งยังมีความคงรูปและมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณกราม คาง ขากรรไกร เพื่อปรับแนวกระดูก ปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้มีความชัดเจน หรือใต้ตา ขมับและร่องแก้มชั้นลึกก็ได้ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือนเลยทีเดียว

            Juvederm volux

            - Juvederm voluma

            ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์เทคโนโลยี Vycross ที่มีคุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและมีความฟูปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่มีความหนาแน่นสูงสามารถปั้นขึ้นรูปได้สวยและง่าย เนื้อเจลเรียบเนียน เหมาะกับการฉีดยกกระชับปรับรูปหน้า ฉีดเติมเต็มบริเวณขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ คาง หรือส่วนอื่นๆได้ตามเทคนิคการฉีดของแพทย์ รวมทั้งคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน โดยไม่ทำให้เกิดอาการบวม ช้ำและเห็นผลชัดเจนได้ทันทีอย่างเป็นธรรมชาติ

            Juvederm voluma (1)

            - Juvederm volite

            ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เทคโนโลยี Vycross ที่มีคุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดและบางเบาที่สุด เหมาะกับการฉีดแก้ไขปัญหาผิวหน้า ริ้วรอยใต้ตา ผิวชั้นตื้น หรือลำคอ หลังจากฉีดแล้วให้ความเรียบเนียนและบำรุงผิวให้อิมน้ำ ชุ่มชื่น ฉ่ำวาว อิ่มฟูดูสุขภาพดี โดยเฉพาะกับคนผิวบางได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและรูขุมขนให้เล็กลงได้ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากการฉีดโดยที่ไม่ต้องทำการพักฟื้น

            Juvederm volite

            Juvederm filler ราคา เท่าไร

            ราคา​​Juvederm filler แต่ละรุ่นจะมีราคาแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับว่าจะใช้รุ่นไหนในการแก้ไขปัญหาสภาพผิวบริเวณที่แตกต่างกัน โดยมีแพทย์เป็นผู้ประเมินว่าจะต้องใช้กี่ซีซีและใช้รุ่นไหนดีกว่า

            รุ่นฟิลเลอร์ บริเวณที่ฉีด ระยะเวลาของผลลัพธ์ ราคา/cc
            Juvederm Volux กราม คาง ขากรรไกร ปรับแนวกระดูก ปรับรูปหน้า ใต้ตา ขมับและร่องแก้มชั้นลึก 18-24 เดือน 16,000- 18,000
            Juvederm Voluma ยกกระชับปรับรูปหน้า ฉีดเติมเต็มขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ คาง หรือส่วนอื่นๆ เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะๆ 18-24 เดือน 13,000-15,000
            Juvederm Volite แก้ไขปัญหาผิวหน้า ริ้วรอยใต้ตา ลำคอ เหมาะกับคนผิวบาง 8-12 เดือน 14,000 -16,000

            วิธีตรวจสอบ ฟิลเลอร์ Juvederm แท้หรือปลอมเบื้องต้น

            การตรวจสอบว่า ฟิลเลอร์ Juvederm filler เป็นของแท้หรือของปลอม สามารถดูได้จากฉลากข้างกล่องที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่ทำการผลิต บริษัทที่นำเข้า เลขล็อตการผลิต วันผลิตและวันหมดอายุ สติ๊กเกอร์ฉลากที่ไม่ชำรุด หรือถูกแกะใช้มาก่อน ปริมาณและราคา ซึ่งวิธีการตรวจสอบนี้สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากว่า คุณเข้ารับการรักษาจากคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานในการให้บริการ แพทย์และพนักงานจะสามารถให้คำปรึกษาในการตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ใช้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การตั้งราคาการฉีดจะต้องไม่ต่ำจนเกินไปด้วย

            การฉีดฟิลเลอร์ หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆคือจะต้องเลือกใช้บริการสถานบริการที่มีมาตรฐาน มีรีวิวจากผู้ที่ใช้งานจริง โดยเทคนิคของแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาได้ตรงใจคุณและสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

            เคสรีวิว ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ Malika Clinic by Dr. Ben

            ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
            dr ben malika clinic 02

            หากผู้อ่านต้องการคำแนะนำ เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ หรือปรึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งสอบถามโปรโมชั่นต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามพูดคุยกับหมอเบญที่คลินิก Malika Clinic by dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) เบอร์โทร 095-450-9355 หรือแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic ส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินก่อนรับบริการจริงได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หมอเบญตอบแชตเองค่ะ

            restylane-all-box-product

            Restylane คือ อะไร ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น ต่างกันอย่างไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง ฟิลเลอร์ Restylane ราคาเท่าไร

            รู้จักกับฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น ต่างกันอย่างไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง ราคาเท่าไร

            ด้วยวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อาจทำให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาหย่อนคล้อย เราทราบกันดีว่ามันก็มีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่การฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา เรื่องยี่ห้อ เรื่องคุณสมบัติของฟิลเลอร์ โดยเฉพาะฟิลเลอร์ใต้ตาที่มีหลายยี่ห้อ แต่ก็ไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะสามารถนำไปฉีดใต้ตาแล้วได้ประสิทธิภาพดี ในบทความนี้เราเลยจะมาดูกันว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา restylane คืออะไร? มีรุ่นไหนบ้าง? ต่างกันอย่างไร? ฉีดตรงไหน? อยู่ได้นานแค่ไหน? ราคาเท่าไหร่? ข้อเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น และวิธีเตรียมตัวก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย

            สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ Restylane
              Add a header to begin generating the table of contents

              ฟิลเลอร์ restylane คืออะไร ดีไหม?

              Filler Restylane หรือฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane คือ สารเติมเต็มผิวประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด (HA) ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ผลิตโดยบริษัท Galderma จากประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ผลิตฟิลเลอร์ยี่ห้อแรกของโลก โดยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจากสหภาพยุโรป รวมทั้งการรับรองและขึ้นทะเบียน FDA ของประเทศไทยและเกาหลีใต้ด้วย

              ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane มีเทคโนโลยีการผลิตลิขสิทธิ์เฉพาะ 2 เทคโนโลยี

              • NASHA technology (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid Technology) เป็นเทคโนโลยีการผลิตให้เส้นใยของ HA ทำงานได้ดีร่วมกับการ crosslink เพื่อให้ฟิลเลอร์มีความละเอียด มีความยืดหยุ่นและมีความคงตัว โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านการกักเก็บโมเลกุลของน้ำ 
              • OBT technology (Optimal Balance Technology) เป็นเทคโนโลยีการผลิตเน้นความยืดหยุ่นสูง  มีความคงตัว สามารถปรับรูปทรงได้และมีการกระจายตัวได้ดี

              ฟิลเลอร์ restylane ดีไหม? ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามากักเก็บไว้ในตัวฟิลเลอร์ จึงช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ช่วยเติมเต็มจุดบกพร่องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี การันตีจากประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่น มีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอและเป็นที่นิยมมากในทั่วทุกมุมโลก

              ฟิลเลอร์ Restylane รุ่นต่างๆ
              restylane-all-box-product

              ฟิลเลอร์ restylane มีรุ่นไหนบ้าง แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ฉีดตรงไหน?

              1. Restylane Perlane Lyft มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลแข็งแรง มีความคงตัว ไม่ฟูและมีแรงยกกระชับสูง เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตา ฉีดจมูก เติมแก้ม เติมขมับ เติมคาง สร้างกรอบหน้า ยกกระชับ ปรับรูปหน้าและทำฟิลเลอร์แก้มส้ม อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน

              2. Restylane Defyne มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อเจลอ่อนนุ่มแต่ยังคงขึ้นรูป เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก โหนกแก้ม คาง การยกกระชับและปรับรูปหน้า โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบาง อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน

                 

              3. Restylane Vital Light มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด นิ่มที่สุด เกลี่ยง่าย นิยมใช้ในผิวพื้นที่ใหญ่ๆ ใช้แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็กน้อย ได้แก่ เติมเต็มร่องน้ำตา ลดใต้ตาคล้ำ ลดร่องลึกใต้ตา เติมเต็มหน้าผาก ฟิลเลอร์ปาก หลังมือ หลุมสิว ปรับผิวกระจ่างใสและทำให้ดูอ่อนเยาว์ อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

                 

              4. Restylane Volyme มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความฟูตัว นิยมใช้ในการเติมเต็มใบหน้าให้อิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์ เติมเต็มแก้ม ขมับและสามารถใช้ยกกระชับได้ อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน

                 

              5. Restylane Refyne มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลมีโมเลกุลเล็ก ยืดหยุ่นสูง ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก จึงใช้เติมเต็มริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยเล็กๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบางเนื้อเจลจะกลืนกับผิวได้ดี อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน

                 

              6. Restylane Classic มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีอนุภาคใหญ่ สำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยปานกลางถึงมาก นิยมใช้ในการฉีดเติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ ได้แก่ เติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ฟิลเลอร์ปาก รอยขมวดคิ้ว จะอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

                 

              ฟิลเลอร์ restylane ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?

              ฟิลเลอร์ restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติและสามารถเติมได้ โดยปกติแล้วจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้และบริเวณที่เลือกฉีด

              เปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ restylane กับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น

              • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับความนิยมมาก มีการใช้เทคโนโลยี Vycross จึงสามารถยกกระชับผิวหน้าได้ดีและดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือนแต่ราคาต่อ CC ค่อนข้างสูง
              • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี มีราคาย่อมเยากว่า นิยมใช้ในการเติมเต็ม เพิ่มวอลลุ่มให้กับผิว อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน แต่ไม่นิยมใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพราะอาจจับตัวเป็นก้อนได้

              ฟิลเลอร์ restylane ราคาเท่าไร?

              Filler Restylane ราคาเริ่มต้นที่ CC ละประมาณ 12,000 – 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้ โดยคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินว่า จะต้องใช้รุ่นไหนในการแก้ไขปัญหาแต่ละจุดและใช้ทั้งหมดกี่ซีซี

              วิธีตรวจสอบ ฟิลเลอร์ restylane แท้หรือปลอม? เบื้องต้น

              ในปัจจุบันมีผู้นำเข้าฟิลเลอร์ restylane อย่างผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือนำเข้ามาฉีดแบบไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ที่ต้องการฉีดควรจะมีความรู้พื้นฐานเบื้องต้นในการตรวจสอบฟิลเลอร์ restylane ว่าเป็นของแท้ หรือของปลอม โดยดูจาก

              • ติดต่อบริษัท Galderma ผู้ผลิต โทร. 02-0231800 ต่อ 402 เพื่อตรวจสอบว่า คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ใช้บริการว่ามีการสั่งโดยตรงจากบริษัทจริงหรือไม่
              • ดูรอยปรุสำหรับเปิดกล่องว่าจะต้องไม่มีการเปิดใช้มาก่อน เอกสารกำกับยาข้างกล่องจะต้องมีป้ายภาษาไทยและเอกสารบ่งชี้การใช้งานภาษาไทยในกล่อง
              • มีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรมสีทองติดอยู่ข้างกล่อง เห็นเงาสะท้อนของชื่อบริษัท Galderma โดยเลขล็อตที่ข้างกล่องและเลขล็อตที่หลอดจะต้องตรงกัน นอกจากนี้อาจจะตรวจสอบราคาที่ติดอยู่บนกล่องด้วยก็ได้

              วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

              1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา

              • งดยาประเภทแอสไพริน, NSAIDs, วิตามินทุกประเภทและยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว
              • งดการแวกซ์ผิว ผลัดเซลล์ผิว การทำหน้า หรือการทำเลเซอร์ การดึงขน หรือโกนขนในบริเวณที่ต้องการรักษา
              • แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือยารักษาโรคที่ต้องกินเป็นประจำ เพื่อขอคำแนะนำ

              24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา

              • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
              • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การเข้าซาวน่า การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เป็นต้น
              how to do after get filler

              วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

              • ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษา หากมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ คัน ระคายเคือง ให้หลีกเลี่ยงการแกะ เกา อาการที่เกิดขึ้นจะหายไปเองหลังจากการรักษาประมาณ 3-5 วัน หากมีอาการหนักมากให้รีบติดต่อแพทย์ผู้ทำการรักษาโดยเร็วที่สุด
              • ภายใน 48 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษา ให้หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
              • สามารถทำการประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ร่วมกับการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
              ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
              dr ben malika clinic 02

              หากอ่านมาถึงตรงนี้และต้องการคำปรึกษา คำแนะนำ เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใต้ตา ปาก ร่องแก้ม หรือบริเวณอื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามพูดคุยกับหมอเบญที่คลินิก Malika Clinic by dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) เบอร์โทร 095-450-9355 หรือแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic ส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินก่อนรับบริการจริงได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หมอเบญตอบแชตเองค่ะ

              belotero filler box

              รู้จักกับฟิลเลอร์ Belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ดีไหม มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร?

              รู้จักกับฟิลเลอร์ Belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ดีไหม มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร?

              การฉีดฟิลเลอร์ถือว่าเป็นเทคโนโลยีการฉีดสารเติมเต็มผิว ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพื่อช่วยเติมเต็มในชั้นผิวให้กักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นเอาไว้ รวมไปถึงการเติมเส้นใยคอลลาเจน คืนความยืดหยุ่นให้แก่ผิว กระตุ้นให้ผิวดูอ่อนเยาว์ที่สาวๆคู่ควร แต่จริงๆแล้วฟิลเลอร์นั้นมีหลายยี่ห้อและมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ในบทความนี้เราเลยจะมาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ดีไหม? มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร? ศึกษาได้ในบทความนี้

              สารบัญบทความเรื่องฟิลเลอร์ Belotero
                Add a header to begin generating the table of contents

                รู้จักกับฟิลเลอร์ Belotero

                Filler Belotero คือ ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผลิตจากสารไฮยาลูรอนิคแอซิดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเทคโนโลยี CPM และ HA ที่เข้มข้น มีการนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียนองค์การอาหารและยาในยุโรป ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยอย่างถูกต้อง แถมยังได้รับ 2 รางวัลความงามจากยุโรปเพื่อการันตีความมีคุณภาพอีกด้วย

                บางคนเรียกฟิลเลอร์นี้ว่า “Colorfull Filler” เนื่องจากมีคุณสมบัติที่หลากหลายและแบ่งเป็นรุ่นย่อยๆหลายๆรุ่น ทำให้แพคเกจมีสีสันสดใสสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุด โดย Belotero เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากในการฉีดสารเติมเต็มผิวเพราะมีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก หลุมสิวและทำให้ผิวเต่งตึง รวมทั้งการแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าได้ทันใจ

                ฟิลเลอร์ Belotero รุ่นต่างๆ
                belotero filler box

                Belotero filler ดีไหม ?

                ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มผิวประเภท hyaluronic Acid เหมือนกัน แต่กระบวนการผลิตและคุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะถูกผลิตออกมาให้มีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของคุณสมบัติ โมเลกุล เนื้อสัมผัสและความทนทาน ดังนั้นฟิลเลอร์จึงถูกผลิตออกมาหลายรุ่น หลายยี่ห้อและไม่มียี่ห้อไหนที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ครอบคลุมทุกจุด ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นก็จะเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกันไป belotero filler ดีไหม? ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นและสภาพผิวของแต่ละเคสเป็นอย่างไรมากกว่า การฉีด Belotero filler จะเห็นผลลัพธ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นถ้าหากได้รับการรักษาจากแพทย์ที่มีความรู้ ประสบการณ์ในการประเมินปัญหา สภาพผิว ปริมาณที่ใช้และเทคนิคในการฉีดให้เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุดนั่นเอง

                Belotero filler มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร เหมาะกับการฉีดตรงไหน

                • Belotero Volume กล่องสีม่วง (มีส่วนผสมของยาชา) มีความโดดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติในการคงตัวและมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวหน้าในระดับลึก สามารถช่วยแก้ไขปัญหารูปหน้าและฉีดเติมเต็มเสริมส่วนที่ไม่เข้ารูปได้ นิยมใช้ belotero ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย รวมทั้งฉีดใบหน้า คาง ขมับและโหนกแก้มเพื่อปรับรูปหน้าให้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในกรณีที่ปัญหานั้นๆเกิดจากการทรุดตัวของกระดูกใบหน้า

                • Belotero Balance กล่องสีส้ม นิยมใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยระดับลึกถึงปานกลาง เพราะจะช่วยปรับริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม ดูชุ่มชื่น สามารถใช้ฉีดได้หลายบริเวณ เช่น เติมเต็มแก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นระหว่างคิ้ว รอบริมฝีปากและนิยมใช้ฉีดริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มอีกด้วย 

                • Belotero Soft กล่องสีเหลือง มีความโดดเด่นอยู่ที่มีเนื้อสัมผัสละเอียด โมเลกุลเล็ก จึงนิยมใช้ฉีดในการเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากผิวชั้นนอกและผิวที่ไม่ได้มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกมากนัก เช่น การแก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตาและร่องลึกใต้ตา ฉีดลดรอยตีนกา ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือรอยย่นที่หน้าผากและปากตกร่องได้ เป็นต้น

                • Belotero Intense กล่องสีชมพู (มีส่วนผสมของยาชา) มีความโดดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติในการคงตัวและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกมากๆได้ดีแต่ก็ไม่เป็นก้อนๆ ฉีดแล้วทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง หรือริ้วรอยแห่งวัยก็สามารถช่วยได้ เช่น การเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม การเติมแก้มตอบ การเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า หรือผู้ที่มีอายุ

                Belotero filler ราคาเท่าไร แพงไหม

                filler belotero ราคาเริ่มต้นที่ CC ละ 13,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้งานและสถานบริการที่เลือก ส่วนจะใช้กี่ CC นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป อย่าลืมเลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการรักษาเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากขึ้น

                Belotero filler อยู่ได้นานไหม เทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น

                Belotero filler โดยปกติแล้วอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ​​belotero ซึ่งเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆแล้วถือว่ามีความคงตัวและอยู่ได้นานกว่า เพราะโดยปกติฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือนเท่านั้น

                dermal filler or fat transfer

                วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

                • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ช่วง 12 ชั่วโมงแรก ให้งดการแตะ แกะ เกา หรือสัมผัสใบหน้า รวมทั้งการนวดหน้า ขัดหน้า แต่งหน้า หรือทำทรีทเม้นใดๆเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
                • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ภายใน 48 ชั่วโมง ให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
                • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ภายใน 14 วัน ให้งดการอยู่ในพื้นที่ที่มีความร้อนจัด หรือเย็นจัด เช่น การอบซาวน่า สตรีม การแช่ออนเซ็น การเล่นสกี เป็นต้น

                สรุปฟิลเลอร์ Belotero filler

                การฉีด​​belotero filler ถือว่ามีความคุ้มค่าในเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้รับเพราะอยู่ได้นานถึง 18 เดือนแต่การฉีดฟิลเลอร์นั้นจะต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการประเมินการรักษาให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข รุ่น จำนวนซีซีที่ใช้ฉีด รวมทั้งเทคนิคในการฉีดเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่ามากที่สุด หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจจะทำให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ต้องการและอาจจะต้องเสียเงิน เสียเวลาเพิ่มในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการฉีดผิดพลาดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมเลือกสถานบริการที่มีมาตรฐานในการให้บริการ มีเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์การรักษาที่มีคุณภาพเพื่อความปลอดภัยในการเข้ารับบริการของตัวคุณเอง

                ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                dr ben malika clinic 02

                หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic หรือโทรเบอร์ 095-450-9355 และสามารถเข้ามาที่คลินิกที่ Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญยินดีประเมินเบื้องต้น, ให้คำปรึกษาค่ะ และตอบแชตเองค่ะ

                botulax box malika clinic

                โบท็อกซ์ Botulax คืออะไร ดีไหม อยู่ได้นานไหม ใช้กี่ยูนิต Botulax ต่างกับโบท็อกยี่ห้ออื่นอย่างไร

                โบท็อกซ์ Botulax คืออะไร ดีไหม อยู่ได้นานไหม ใช้กี่ยูนิต Botulax ต่างกับโบท็อกยี่ห้ออื่นอย่างไร

                เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยศึกษาเกี่ยวกับ Botox กันมาบ้างแล้วแต่ว่าในปัจจุบันมี Botox หลายชนิดและหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมาเพื่อสนองความต้องการที่แตกต่างกัน รวมทั้งราคาและคุณภาพที่แตกต่างกันไปด้วย แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า Botox ชนิดไหนเหมาะกับอะไร ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ Botox botulax ว่า botulax คืออะไร? ดีไหม? อยู่ได้นานไหม? ใช้กี่ยูนิต? มาดูความแตกต่างของ botulax กับโบท็อกยี่ห้ออื่นๆ เช่น  Allergan และโบท็อกเกาหลียี่ห้ออื่นๆอย่างไร ติดตามดูได้ในบทความนี้

                สารบัญบทความเรื่องโบท็อก Botulax
                  Add a header to begin generating the table of contents

                  Botulax คือ อะไร

                  Botox botulax คือ โบท็อกแบรนด์ยอดนิยมจากประเทศเกาหลีใต้ เป็นโปรตีนสังเคราะห์ที่เรียกว่า BotulinumtoxinA ที่ผลิตให้มีความคล้ายคลึงกับสารสำคัญในร่างกายของมนุษย์ ใช้ในการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ตีนกาและริ้วรอยร่องลึก ช่วยให้หน้าเรียวเล็ก ยกกระชับกรอบใบหน้า ลดกราม น่องและกล้ามแขน ในปัจจุบันเป็นที่นิยมในประเทศไทยมากเพราะเป็น Botox ที่มีความอ่อนโยนและบริสุทธิ์แต่มีราคาไม่แพงและให้ผลลัพธ์ที่ดีสมราคา

                  โบท็อก Botulax ขนาด 100 ยูนิต
                  botulax box malika clinic

                  Botulax ดีไหม

                  Botox botulax ได้รับการผลิตมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีจุดมุ่งมั่นเพื่อให้โบท็อกซ์มีคุณภาพเทียบเท่ากับ Botox จากประเทศสหรัฐอเมริกาแต่เป็นราคาที่เอื้อมถึง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Botox botulax ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลีว่า มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพไม่แพ้กับยี่ห้ออื่นๆเลย อาจจะแตกต่างกันในด้านของระยะเวลาการคงอยู่ที่สั้นกว่า แต่ก็ยังคงเรียกได้ว่าเป็น Botox ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่ดีอีกหนึ่งยี่ห้อเลยก็ว่าได้

                  Botox Botulax อยู่ได้นานไหม

                  โดยปกติแล้ว Botox botulax ที่เป็นของแท้และมีมาตรฐานผ่าน อย. มักจะให้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายใน 7-30 วันและอยู่ได้นาน 3-5 เดือน (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคลด้วย) ซึ่งจะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย หากต้องการผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องสามารถฉีดซ้ำได้ตามความพึงพอใจและการประเมินของแพทย์ ส่วน Botox botulax ที่เป็นของปลอมอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ จึงควรทำการตรวจสอบในเรื่องของผลิตภัณฑ์และราคากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความมั่นใจ

                  ฉีดโบท็อก Botulax ต้องใช้กี่ยูนิต? Botulax 100u, Botulax 200u ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

                  การฉีด Botox botulax จะต้องใช้กี่ยูนิตนั้น ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการแก้ไขปัญหามากกว่า บริเวณที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ได้แก่ การลดเลือนริ้วรอย ลดกรามและแก้ไขปัญหาผิวไม่สดใส ซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้ทำการประเมินว่าควรจะใช้กี่ยูนิต โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีการกำหนดจำนวนยูนิตที่ใช้ให้เหมาะสมตามตำแหน่งที่ต้องการทำการรักษา เช่น

                  • Botulax 100u ใช้ฉีดบริเวณใบหน้า ยกกระชับกรอบใบหน้า ช่วยเก็บรูปหน้าให้สมบูรณ์แบบ ช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็ก ลดริ้วรอย
                  • Botulax 200u ใช้ฉีดลดน่อง ต้นแขนและลดเหงื่อใต้รักแร้
                  botulax-vs-neuronox-1

                  Botulax กับ Neuronox ต่างกันยังไง

                  Neuronox กับ Botulax โบท็อกทั้ง 2 ยี่ห้อนี้มาจากประเทศเกาหลีทั้งคู่ ซึ่งมีจุดเหมือนกันตรงที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับยี่ห้อ Allergan ของประเทศสหรัฐอเมริกาแต่หากพูดถึงความแตกต่าง Neuronox จะมีการกระจายตัวค่อนข้างแคบแต่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นจุดเด่นในการออกฤทธิ์เฉพาะจุดได้ดีแต่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก ส่วน Botulax จะกระจายตัวได้กว้างกว่า ออกฤทธิ์ไวกว่าและมีความเป็นธรรมชาติกว่า Neuronox แต่ก็มีระยะเวลาการคงตัวอยู่ที่น้อยกว่าด้วยเช่นกัน

                  Botulax ต่างกับโบท็อกเกาหลียี่ห้ออื่นอย่างไร

                  โบท็อกเกาหลีที่นิยมในประเทศไทย ได้แก่  Botulax, Aestox, Hugel และ Nabota ซึ่ง Botox แต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น Nabota เป็น Botox เกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก อย.ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดเด่นที่ออกฤทธิ์ไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน ส่วน Aestox เป็นยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศไทย มีจุดเด่นที่ความบริสุทธิ์ของตัวยาถึง 99.5% ส่วน Botulax กระจายตัวได้กว้าง ออกฤทธิ์เร็ว ในราคาที่ย่อมเยาว์ เป็นต้น

                  Botulax ต่างกับ Allergan อย่างไร

                  Allergan เป็น Botox ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือเรียกได้ว่าเป็น Botox ต้นกำเนิดเจ้าแรกที่ได้รับการรับรองจาก อย.และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก ด้วยจุดเด่นที่มีความบริสุทธิ์และอ่อนโยนต่อร่างกาย ซึ่งทำให้การดื้อโบท็อกมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ระยะเวลาคงตัวอยู่ได้นานและมีความเป็นธรรมชาติสูงมากแต่ก็มีราคาที่สูงมากด้วยเช่นกัน ส่วน Botulax เป็นแบรนด์โบท็อกจากประเทศเกาหลีที่พัฒนาให้มีคุณภาพ อาจจะอยู่ได้ในระยะเวลาที่สั้นลง ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า

                  หมอเบญไขข้อสงสัย โบท็อกแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร

                  ข้อสรุปของการเลือกใช้โบท็อกซ์

                  สำหรับใครที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ Botox ยี่ห้อไหนดี ไม่ว่าจะเป็น Botox เกาหลีหรือ Botox ประเทศไหนๆ ขอแนะนำให้ทำการเลือก Botox จากลักษณะเด่นและปัญหาของผิวที่ต้องการจะแก้ไขโดยทำการปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ว่า ปัญหาในแต่ละจุดจะต้องมีการแก้ไขด้วยโบท็อกยี่ห้อไหนและใช้กี่ยูนิต ซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพใบหน้า อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับการเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานและมีการใช้ Botox ที่เป็นของแท้และได้คุณภาพเพื่อการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและความปลอดภัยต่อร่างกายของคุณเอง

                  ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                  dr ben malika clinic 02

                  หากผู้อ่านอ่านมาถึงตรงนี้และมีความสนใจในการฉีดโบท็อกซ์ หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ สามารถติดต่อสอบถามเพื่อพูดคุยกับหมอเบญที่คลินิก Malika Clinic by dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) เบอร์โทร 095-450-9355 หรือแอดไลน์ Line ID: @malikaclinicหมอเบญตอบแชตเองค่ะ

                  filler cheek malika clinic

                  ฟิลเลอร์ แก้มตอบ เพิ่มความอวบอิ่มให้ใบหน้า แก้ปัญหาแก้มตอบแบบไม่ต้องศัลยกรรม

                  ฟิลเลอร์ แก้มตอบ เพิ่มความอวบอิ่มให้ใบหน้า แก้ปัญหาแก้มตอบแบบไม่ต้องศัลยกรรม

                  ถึงแม้ว่ากระแสหน้าเรียวจะมาแรงมากในปัจจุบันแต่ถ้าหน้าเรียวแล้วก็ต้องดูสุขภาพดีด้วย ไม่ใช่ว่าหน้าเรียวแต่ก็แก้มตอบไปในเวลาเดียวกัน แก้มที่ตอบจนเกินไปจะทำให้โหนกแก้มเด่นชัด ผู้หญิงหลายๆคนเป็นกังวลเพราะมันจะทำให้หน้าดูดุๆ ดูแก่เกินวัยและไม่สวย ในปัจจุบันก็มีวิธีแก้ไขได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดไขมัน การผ่าตัดศัลยกรรม หรือการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ในบทความนี้เราจะมาดูปัญหาเรื่องแก้มตอบของผู้หญิง การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยได้จริงหรือไม่? มีประโยชน์อย่างไร? ต้องใช้กี่ cc? ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

                  สารบัญบทความ คำถามที่หลายๆคนสงสัยเรื่องฟิลเลอร์แก้มตอบ
                    Add a header to begin generating the table of contents

                    แก้มตอบ คือ อะไร ปัญหาที่ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย

                    แก้มตอบ คือ โครงสร้างของใบหน้าบริเวณแก้มที่มีกระดูกมากกว่าเนื้อ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เนื้อแก้มหายไปนั่นเอง จริงๆแล้วแก้มตอบเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ พันธุกรรม อายุ การลดน้ำหนัก หรือภาวะน้ำหนักตัวน้อย (จนเกินไป) การจัดฟัน หรือการถอนฟัน รวมทั้งการฉีดโบท็อกกรามจากความผิดพลาดทางเทคนิคของแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ไม่ว่าแก้มตอบจะเกิดด้วยปัญหาใด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้หญิงหนักใจ เพราะปัญหาแก้มตอบจะทำให้แก้มเป็นแอ่งยุบ ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ดูโทรม ไม่สดใส ไม่สุขภาพดี โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูปจะเห็นได้อย่างชัดเจน

                    ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบกับหมอเบญ
                    filler cheek malika clinic

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ช่วยได้หรือไม่?

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ (Hollow cheek filler) เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเนื้อแก้มที่หายไป หรือปัญหาเนื้อแก้มยุบตัวไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยใดก็ตาม สามารถช่วยผู้ที่มีแก้มตอบให้มีแก้มเต็มอิ่มมากขึ้นด้วยการฉีดสาร Hyaluronic Acid (Hyaluronic acid หรือ HA) เพื่อเติมเต็มใบหน้าได้อย่างตรงจุด ให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวล ดูสุขภาพดีและดูเด็กกว่าวัยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ แก้ปัญหาอะไรบ้าง? ไม่ได้ช่วยแค่แก้มตอบอย่างเดียว

                    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ สามารถแก้ปัญหาใบหน้าได้หลายจุด ไม่ได้ช่วยแค่แก้มตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ได้แก่

                    1. แก้ปัญหาแก้มตอบ ปัญหาเนื้อแก้มหาย แก้มยุบเป็นอ่าง
                    2. แก้ปัญหาเรื่องโหนกแก้มสูง หน้าดูเหลี่ยมๆ หน้าดูดุ
                    3. ช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่างที่ตกห้อยจากแก้มที่ตอบ
                    4. ช่วยปรับปรุงโหงวเฮ้งใบหน้าและเสริมโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น
                    5. สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูลอนิคแอซิดจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวหนังดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล ดูมีเลือดฝาดจะดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นและดูเด็กกว่าวัย
                    6. ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียน ช่วยกระชับรูขุมขนและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้ดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด
                    ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
                    Filler indian line malika

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ใช้กี่ CC

                    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ โดยปกติแล้วจะใช้ข้างละประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินว่าควรจะใช้จำนวนเท่าไหร่และควรใช้ฟิลเลอร์ประเภทไหนเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ อยู่ได้นานไหม

                    การฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่ดีและมีคุณภาพจะสามารถสลายตัวได้เองและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นหากรู้สึกว่าฟิลเลอร์แก้มตอบเริ่มสลายตัว สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ดูแลเพื่อทำการเติมฟิลเลอร์ได้ตามที่ต้องการ

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ยี่ห้อไหนดี และควรใช้รุ่นไหน

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่สามารถอยู่ได้นาน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจะต้องมีความเหมาะสมกับลักษณะสภาพผิวด้วย (ผู้ที่มีแก้มตอบมักจะมีผิวที่ค่อนข้างบางและมีชั้นไขมันในผิวน้อยมาก) ส่วนมากแพทย์จะนิยมใช้ Restylane Volyme และ Juvederm Voluma หรือรุ่น Volift เนื่องจากมีคุณสมบัติในการกระจายตัวได้ดี เติมเต็มได้สมบูรณ์แบบและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

                    ฟิลเลอร์ แก้มตอบ ราคา เท่าไร ที่ไหนดี

                    การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่เลือกใช้และสถานบริการ โดยราคาจะอยู่ที่ CC ละประมาณ 12,000-14,000 บาท อาจจะถูกกว่านี้ถ้าคลินิกจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่วงเวลานั้นๆ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ฉีดที่ไหนดี?​ในฐานะที่เป็นผู้บริโภค การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือในคุณภาพการให้บริการนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะการมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลเคสแต่ละเคสได้อย่างชำนาญ นอกจากนี้การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและมีระดับราคาที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย

                     อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเคสเพื่อประเมินยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ จำนวนที่ใช้ ราคาจากปัญหาและสภาพของผิวหน้าแต่ละคน ร่วมกับการปรึกษาทางคลินิกว่ามีโปรโมชั่นดีๆที่คุ้มค่าจะช่วยให้การรักษาของคุณแฮปปี้มากยิ่งขึ้นได้

                    วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ

                    1. หลังฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ ตรงบริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวม แดง ช้ำแต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองและดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
                    2. หลีกเลี่ยงการสัมผัส การแกะ การเกา การกดนวด การขัดผิวในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ แก้มตอบ
                    3. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสัมผัสใบหน้าทุกชนิด เช่น การอบซาวน่า การล้างหน้าด้วยน้ำร้อน การเลเซอร์  รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงและการขยับใบหน้าเยอะๆ อาจมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ได้
                    4. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
                    5. ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนที่สุด
                    ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                    dr ben malika clinic 02

                    สอบถามเพิ่มเติมหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้มส้ม สามารถแอดไลน์ Line ID: @malikaclinic หรือเบอร์ 095-450-9355 และสามารถเข้ามาที่คลินิกที่ Malika Clinic by Dr. Ben ตั้งอยู่ย่าน ลาดพร้าว – วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญยินดีประเมินเบื้องต้น, ให้คำปรึกษาค่ะ และตอบแชตเองค่ะ

                    Filler lips malika

                    ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ใช้กี่ CC ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร รวมทุกเรื่องของฟิลเลอร์ปาก

                    ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ใช้กี่ CC ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร รวมทุกเรื่องของฟิลเลอร์ปาก

                    ใครๆก็รู้จักแฟชั่นสาวสายฝอที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศัลยกรรมหน้าตา เทรนการแต่งตัว เทรนแต่งหน้าและเทรนการเสริมความงาม ซึ่งการเสริมความงามที่ช่วยให้คุณมีลุคแบบสายฝอได้ นั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ด้วยความอวบอิ่มและความเป็นทรงสวยได้รูปทำให้ใบหน้าของคุณมีความโดดเด่นและดูเด็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณแต่งหน้าตามเทรนด้วยแล้ว รับรองว่า คุณเองก็เป็นสายฝอได้ง่ายๆ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้ใบหน้าได้อีกด้วย ในบทความนี้เราเลยจะมาดูกันว่าฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี? ฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอต้องใช้กี่ cc? ฟิลเลอร์ปากราคาประมาณเท่าไหร่? เรารวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากไว้ที่นี่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!

                    สารบัญบทความ คำถามที่หลายๆคนสงสัยเรื่องฟิลเลอร์ปาก
                      Add a header to begin generating the table of contents

                      ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม อันตรายไหม

                      สาวๆหลายๆคนอยากจะฉีดฟิลเลอร์แต่ก็กลัวเจ็บ กลัวว่าจะเป็นอันตราย ขอบอกตรงนี้เลยว่า การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะที่เข็มทิ่มเข้าไป ส่วนอันตรายไหม? ก็ขอตอบว่า การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย  หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ก็ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ได้ตรงตามความต้องการและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด เป็นฟิลเลอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับโปรตีนในร่างกาย ประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือกรด HA ซึ่งสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ รวมทั้งผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยอีกด้วย

                      ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
                      Filler lips malika

                      ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง

                      หลายๆคนมีปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ขนาดริมฝีปากบนและล่างไม่ได้สัดส่วน หรือบิดเบี้ยว รวมไปจนถึงการมีริมฝีปากทรงคว่ำและริมฝีปากดูไม่สวยงาม เช่น ริมฝีปากแห้งแตก ลอกเป็นขุย เป็นร่อง หรือมีขอบปากไม่ชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหาด้วยเทคนิคการเติมเต็ม การแต่งทรง การยกมุมปาก การฉีดขอบปากและการบำรุงฝีปากได้อย่างครบวงจร เหมาะสำหรับทุกคนที่ไม่อยากมองข้ามริมฝีปากที่สวยงามไป

                      ไม่ใช่ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากควรเลือกยี่ห้อไหน?

                      อย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีความแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติ  ความขึ้นรูป คุณภาพและราคา ไม่ใช่ว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนก็ฉีดปากได้ทั้งนั้น แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี?

                      ฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเพราะให้ผลยาวนาน 6-24 เดือน โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายและไม่เป็นอันตราย ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi–Permanent Filler) และฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) ที่เรารู้จักกันดีคือ พวกซิลิโคนและพาราฟิน ถึงแม้ว่าจะให้ผลยาวนานแต่ก็ยังไม่ผ่านการอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย 

                      ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งต้องสามารถสลายตัวได้เอง โดยที่ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆ อย่างเช่นฟิลเลอร์แบบชั่วคราวและสามารถมาเติมได้หากต้องการตามคำแนะนำของแพทย์

                      ก่อนทำ หลังทำ ฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอเบญ
                      Filler lips malika

                      เปรียบเทียบฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี

                      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm
                      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่นิยมมากที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด พูดถึงความปลอดภัย 100% แน่นอนเพราะได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี Vycross และ Hylacross ช่วยเติมเต็ม ยกกระชับและอุ้มน้ำได้ดี เนื้อเรียบเนียนละเอียดจึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่นมาก มี 3 รุ่นด้วยกัน

                      1. Juvederm Volift รุ่นนี้ถูกผลิตมาให้มีเนื้อนิ่ม ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานถึง 12-18 เดือน ช่วยให้ปากกระชับได้รูป มีกระจับปากและขอบปากคมชัด แถมยังมีความเป็นธรรมชาติมากๆด้วย
                      2. Juvederm Voluma รุ่นนี้มีเนื้อแข็งแต่มีความฟูปานกลาง  ช่วยให้ปากดูอวบอิ่มและให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานถึง 18 เดือน
                      3. Juvederm Ultra Plus รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ปากดูอวบอิ่ม เติมเต็มได้ดี เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอและอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนเลยทีเดียว

                      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Restylane
                      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนที่ได้รับความนิยมเช่นกัน จุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี NASHA และ OBT ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้หลากหลายและคงตัวอยู่ได้นาน 6-18 เดือน แบ่งได้เป็น

                      1. Restylane Vital Light รุ่นนี้จะมีน้ำหนักเบา โมเลกุลเล็ก เหมาะสำหรับการแก้ไขริมฝีปากแห้ง ลอก แตกเป็นขุย หรือร่องลึกให้มีความชุ่มชื่น อวบอิ่มและอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
                      2. Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง ขึ้นรูปปาก และขึ้นทรงได้ดี โดยที่ยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่เป็นก้อนอยู๋ อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
                      3. Restylane Classic รุ่นนี้จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีลักษณะเป็นเนื้อเจลแข็งปานกลาง นิยมใช้ในการเติมเต็มร่องลึก เช่นร่องปากให้มีความอวบอิ่ม เต็มฟูมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน

                      ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Neuramis
                      เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่กำลังมาแรง สามารถขึ้นรูปปากได้ดี โดยให้ผลยาวนานประมาณ 6-8 เดือนแต่มีราคาถูกกว่าเท่าตัว (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์นิวรามิส)

                      ฟิลเลอร์ปากสายฝอ เทรนด์ใหม่ล่าสุด ฉีดกี่ CC

                      เทรนปากอวบอิ่มแบบสายฝอ จะเน้นไปที่รูปทรง Full lips และ Round lips เน้นความอวบอิ่มของปากให้ดูเซ็กซี่และน่าจูบ ซึ่งจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 CC หรือแล้วแต่สภาพปากของแต่ละบุคคล

                      ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฉีดกี่ CC

                      เทรนปากอวบอิ่มแบบสายฝอ จะเน้นไปที่รูปทรง Full lips และ Round lips เน้นความอวบอิ่มของปากให้ดูเซ็กซี่และน่าจูบ ซึ่งจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 CC หรือแล้วแต่สภาพปากของแต่ละบุคคล

                      ฟิลเลอร์ปาก ราคา เท่าไร

                      การฉีดฟิลเลอร์ปากขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขและด้วยยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่มีหลากหลาย ราคาจึงแตกต่างกันไปตามฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยราคาต่อ 1 CC จะประมาณ 6,000-15,000 บาท แต่หากอยากทราบราคาที่แม่นยำมากกว่านี้ จะต้องทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานบริการที่มีมาตรฐาน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินจำนวน CC ที่ต้องการของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละบุคคลค่ะ และในบางคลินิกอาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาซึ่งอาจทำให้ราคาถูกลงมามากกว่านี้นั่นเองค่ะ

                      วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

                      1. หลีกเลี่ยงการจับ สัมผัส กด หรือนวดบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่อาจจะทำให้เกิดการผิดรูปทรงได้
                      2. ดื่มน้ำให้ได้มากที่สุด  เพราะฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่ม ฟูและให้ผลลัพธ์ยาวนานมากยิ่งขึ้น
                      3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนร้อนๆและการสูบบุหรี่ อย่างน้อยหลังจากฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 48 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอาการอักเสบ บวม หรือผิดรูปทรงได้
                      ปรึกษาหมอเบญฟรีก่อนเข้ารับการรักษาจริง
                      dr ben malika clinic 02

                      หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากแบบไหน สามารถส่งรูปมาให้หมอเบญประเมินก่อนเข้ารับบริการจริงได้ที่ ID: @malikaclinic หรือเข้ามาที่คลินิกเพื่อให้หมอเบญประเมินก่อนได้เลยค่ะ คลิกนิกตั้งอยู่ที่ลาดพร้าว วังหิน (ระหว่างซอยลาดพร้าว วังหิน 65 และ 67) หมอเบญและทีมงานยินดีต้อนรับค่ะ